รายการโหนกระแส วันนี้เชิญ 3 นักอาชญาวิทยา มาร่วมพูดคุยในรายการ กรณีคดีกำนันนก คดีใหญ่สะเทือนวงการสีกากี และประเด็นผู้มากอิทธิพลที่ไม่เกรงกลัวกฎหมาย

เมื่อวันที่ 15 ก.ย. ผศ.ร.ต.อ.ดร.จอมเดช ตรีเมฆ นักวิชาการด้านอาชญาวิทยา วิทยาลัยนวัตกรรมสังคม มหาวิทยาลัยรังสิต ให้ความเห็นว่า สังคมไทยอยู่ในภาวะที่เรียกว่า สังคมไร้ระเบียบ มันเคยเกิดขึ้นที่มหาวิทยาลัยชิคาโก ซึ่ง ณ เวลานั้น มีผู้อพยพทะลักเข้ามาเยอะ จนกฎหมายบังคับใช้ไม่ได้ ประเทศไทยตอนนี้เข้าใกล้ภาวะนี้ เมื่อมีการกระทำผิดเกิดขึ้น คนเราจะไม่มีความรู้สึกว่าต้องยอมรับผิด ความคิดแรกคือ จะทำยังไงให้รอด อาทิ ถูกเป่าเมาแล้วขับ จะต้องจ่ายเงินไหม หรือถ้าจะเปิดธุรกิจสีเทา ต้องวิ่งเข้าหาตำรวจ เพื่อให้เปิดธุรกิจได้ราบรื่น เมื่อมันเกิดภาวะแบบนี้ขึ้น มันก็เกิดเหตุการณ์แบบนี้มาเรื่อยๆ ในบ้านเรา จนมาเกิดกรณีล่าสุด เรื่องกำนันนกสั่งยิงสารวัตรศิว

ดร.ตฤณห์ โพธิรักษา ให้ความเห็นว่า สังคมเราพัฒนาไปในหลากหลายด้าน เทคโนโลยี วิทยาการต่างๆ แต่น่าแปลกใจว่าทำไมปัญหาแบบเดิมๆ ถึงยังเกิดขึ้นซ้ำๆ ก็ต้องมาถามว่ากฎหมาย หรืออำนาจอะไรที่มีอิทธิพลมากกว่ากัน ถามว่าคนในระดับกำนัน เขามีอำนาจมาจากไหนถ้าไม่ใช่เงิน ปฏิเสธไม่ได้ว่าเงินทำให้มีอำนาจ

รศ.พ.ต.ท.ดร.กฤษณพงค์ พูตระกูล ผู้ช่วยอธิการบดี และประธานกรรมการคณะอาชญาวิทยาและการบริหารงานยุติธรรม มหาวิทยาลัยรังสิต มองว่า หากพูดถึงกลุ่มตำรวจที่เอาพยานหลักฐานไปทิ้ง ไปทำลาย มีการคุ้มกัน พาผู้ต้องหาหลบหนี คนเหล่านี้ไม่ใช่ตำรวจ แต่เป็นโจร จิตวิญญาณหัวใจของเขาไม่ใช่ตำรวจ ไม่มีสำนึกในการทำหน้าที่

เท่าที่ทราบมีหลายคนที่เป็นลูกน้อง เป็นผู้ใต้บังคับบัญชาของสารวัตรศิวกร หัวหน้าถูกยิงตาย แต่กลับพาผู้ต้องหาหลบหนี เขาไม่ได้เป็นลูกน้องของสารวัตร แต่เราเป็นลูกน้องของอำนาจเงิน

รศ.พ.ต.ท.ดร.กฤษณพงค์ ชี้ว่า ปัญหาในวงการตำรวจเรื้อรังมายาวนาน พูดกันมาไม่รู้กี่ปีก็ยังซ้ำๆ วนๆ ปัญหาใหญ่คือการไม่ยอมแยกตำรวจออกจากการเมือง จะเห็นว่า รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง แทบไม่ชูนโยบายปฏิรูปตำรวจ ตราบใดที่เรายังแยกตำรวจออกจากการเมืองไม่ได้ ไม่ให้ตำรวจได้ทำหน้าที่พิทักษ์ประชาชนอย่างเป็นอิสระ ไม่ถูกการเมืองครอบงำ เชื่อว่าปัญหานี้จะไม่สามารถแก้ไขได้

จากกรณี รองสารวัตรคนหนึ่ง ที่เห็นว่าขับรถนำหน้ารถของกำนันนก หลังเกิดเหตุยิงสารวัตรศิว เหมือนเป็นการขับรถคุ้มกันให้หลบหนี โดยรองสารวัตรให้การว่า ไม่ได้คุ้มกันผู้ต้องหาให้หลบหนี แต่ตั้งใจจะขับรถกลับบ้าน แต่บ้านอยู่ทางเดียวกัน จึงต้องกลับทางนั้น

ดร.ตฤณห์ มองว่า ตามธรรมชาติของมนุษย์เรา ถึงแม้จะเป็นคนนอนเร็ว กลับบ้านตรงเวลา แต่ถ้ามันเกิดเหตุการณ์ร้าย มีคนตายต่อหน้า คุณจะกลับบ้านไปนอนจริงๆ หรือเอาแค่เป็นมนุษย์ก็แปลกแล้ว แต่นี่เขาเป็นตำรวจ ตามสัญชาตญาณของสิ่งมีชีวิต ไม่ว่าคนหรือสัตว์ เมื่อเกิดเหตุคับขัน เราจะเลือกอยู่กับฝ่ายที่ทำให้เรารู้สึกเป็นพวกของเรา ทำให้เรารู้สึกปลอดภัยก่อน การกระทำของตำรวจที่ปรากฏ ทำให้เห็นชัดเจนว่า เขาเลือกฝ่ายกำนัน ไม่ได้เลือกที่จะทำหน้าที่ตำรวจ ส่วนเรื่องนายหน่อง คนยิงสารวัตรศิว ตอนนี้เขาเสียชีวิตไปแล้ว เขาพูดไม่ได้ จะบอกว่านายหน่องรักลูกพี่มาก จนตัดสินใจยิงสารวัตรเพราะโกรธแทนลูกพี่ อันนี้ไม่น่าเป็นไปได้ มันดูเป็นการหาความเดือดร้อนมาให้ลูกพี่มากกว่า

เช่นเดียวกับ รศ.พ.ต.ท.ดร.กฤษณพงค์ มองว่า เป็นไปไม่ได้เลยที่กำนันนกจะบอกว่า ไม่รู้เห็นว่านายหน่องจะไปยิง หรือไปทำร้ายสารวัตร มีรายงานจากคำให้การพยานว่า จุดเริ่มต้นเหตุการณ์มาจาก กำนันคุยกับสารวัตร แล้วกำนันตบโต๊ะ จากนั้นนายหน่องเดินมายืนหน้าสารวัตร เหมือนจะถามกำนันว่าใช่คนนี้ไหม พอกำนันพยักหน้า ก็เลยชักปืนออกมายิง เรื่องนี้มันก็ชัดเจนว่า กำนันต้องมีส่วนรู้เห็นอยู่แล้ว

ดร.ตฤณห์ ยังให้ความเห็นที่น่าสนใจอีกเรื่อง คือตำรวจไทยน่าจะเป็นชาติเดียวที่ให้เจ้าหน้าที่ซื้อปืน ซื้อกระสุนเอง ทั้งที่อาวุธแพงยิ่งกว่าเงินเดือนเสียอีก ขณะที่ต่างประเทศเขามีปืน มีเสื้อเกราะของหลวงให้ใช้ ออกจากราชการก็คืนหลวงไป การเป็นตำรวจไทยไม่ง่าย ทำให้เป็นช่องโหว่ที่ทำให้เจ้าหน้าที่เลือกจะรับผลประโยชน์ รับเงินจากผู้มีอิทธิพลต่างๆ

รศ.พ.ต.ท.ดร.กฤษณพงค์ ยังให้ความเห็นที่น่าสนใจอีกว่า วงการตำรวจเป็นอีกหนึ่งวงการที่ผู้บังคับบัญชาระดับสูง สั่งการอะไรโดยไม่ได้สนใจว่า งบประมาณมีเพียงพอไหม แต่สั่งแล้วต้องทำให้ได้ เมื่อถามว่าหาเงินจากไหน ก็คือเครือข่ายผู้มีอิทธิพลเหล่านี้นั่นเอง

ขณะที่ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. โฟนอินเข้ามาชี้แจงเรื่องภาพจากกล้องวงจรปิด โดยบอกว่า กล้อง 13 ตัว ที่กู้มาได้ตอนแรกสุด จะเห็นภาพโดยรอบก่อนเกิดเหตุ ขั้นตอนการเตรียมปืน และหลังเกิดเหตุ ตำรวจแต่ละนายทำอะไร วิ่งหนีอย่างไร ช่วยเหลือใครอย่างไร แต่กล้องอีก 2 ตัว ที่เสียหาย เป็นกล้องที่เห็นนาทีลั่นไก มีคนไปถอดปลั๊กกล้องวงจรปิดออก ทำให้เห็นว่ามีการเตรียมการมาแล้ว ว่าจะมีการยิง จึงไปถอดปลั๊กกล้องไว้ก่อน แล้วมีการตระเตรียมเอาอาวุธเข้ามาในบ้าน มีการลำเลียงคนแก่-ผู้ใหญ่ ออกไปจากบ้าน มีการเตรียมทางหนีทีไล่เอาไว้ เป็นข้อบ่งชี้ว่าตั้งใจยิงตั้งแต่แรก ถือเป็นพฤติการณ์ที่อุกอาจร้ายแรง

ที่สำคัญคือ ตำรวจส่วนใหญ่ไม่ยอมให้การตามความจริง ก็เข้าใจว่าแต่ละนายให้การเพื่อประโยชน์ของตัวเอง แต่ใครให้การเท็จ ก็ต้องรับโทษไป มีคนยิงตำรวจต่อหน้า เป็นการกระทำผิดซึ่งหน้า ไม่ต้องรอหมายจับ สามารถจับกุมได้เลย แต่ไม่จับ แล้วยังทิ้งที่เกิดเหตุ แบบนี้ เป็นความผิดฐานละเว้นทั้งนั้น

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ บอกว่า ไม่อยากจะไปพูดว่าเป็นการเตรียมตัวจัดฉากยิง เพราะวันนี้ต้องพูดตามพยานหลักฐาน เพราะที่ยืนยันได้คือ การยิงสารวัตรศิว มีการเตรียมตัวไว้ก่อนแน่นอน กำนันนก ซึ่งเป็นคนสั่งให้นายหน่องยิง สั่งให้แม่บ้านล้างคราบเลือด ทำลายพยานหลักฐาน กำนันนกต้องรับโทษเสมือนหนึ่งว่าเป็นคนลงมือทำเอง รับโทษเหมือนเป็นคนยิง รับโทษเหมือนเป็นผู้ทำลายหลักฐาน 

วันนี้มีพยานหลักฐานมัดตัวกำนันนก จนดิ้นไม่หลุดแน่นอนแล้ว แต่ตนก็จะขยายผลต่อไป เรื่องความร่ำรวยผิดปกติ ที่มาการเงิน การฟอกเงิน การฮั้วประมูลต่างๆ ตรงนี้ต้องไล่เรียงไปให้ถึงต้นเหตุ ณ วันไหนที่เขาพ้นโทษจากเรือนจำออกมา เขาจะพบว่าตัวเองไม่เหลืออะไรเลย ถูกยึดทรัพย์จนหมดตัว