เมื่อวันที่ 14 ก.ย. พ.ต.อ.สำเริง อำพรรทอง รอง ผบก.ปคบ. พร้อมด้วย เภสัชกรหญิง สุภัทรา บุญเสริม ผู้ทรงคุณวุฒิด้านมาตรฐานผลิตภัณฑ์ด้านสาธารณสุข รักษาราชการแทนรองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา และกำลังเจ้าหน้าที่กองบังคับการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค (ปคบ.) ร่วมกันเข้าตรวจค้นโกดังแห่งหนึ่งย่านถนนกิ่งแก้ว ต.บางพลีใหญ่ อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ หลังสืบทราบว่าเป็นแหล่งผลิตแอลกอฮอล์ชนิดน้ำสำหรับทำความสะอาดโดยผิดกฎหมาย ซึ่งเป็นหนึ่งในเครือข่ายมีผู้ร่วมกระทำผิดอีก 4 ราย ที่กระจายกันอยู่ใน 3 จังหวัด กรุงเทพฯ พระนครศรีอยุธยา และสมุทรปราการ

สืบเนื่องจากวานนี้ (13 ก.ย.) ตำรวจ ปคบ. เข้าจับกุมแหล่งผลิตเครื่องสำอางไม่ได้มาตรฐานในพื้นที่ อ.นครหลวง จ.พระนครศรีอยุธยา 2 จุด และสถานที่กักเก็บและจำหน่ายในพื้นที่พญาไท สามารถตรวจยึดผลิตภัณฑ์แอลกอฮอล์ชนิดน้ำ ชนิดเจล และชนิดสเปรย์ พร้อมอุปกรณ์ในการแบ่งบรรจุ และขวดผลิตภัณฑ์รวมทั้งฉลากและอุปกรณ์อื่นๆ จำนวนมากรวมมูลค่ากว่า 5 ล้านบาท จึงทำการตรวจยึดเอาไว้เป็นของกลางส่งพนักงานสอบสวน กก.4 บก.ปคบ. เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย

จากการสอบสวนขยายผลทราบว่ายังมีแหล่งผลิตและกักเก็บผลิตภัณฑ์ดังกล่างอยู่ในย่านถนนกิ่งแก้ว ต.บางพลีใหญ่ อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ อีกจำนวน 2 แห่ง จึงนำกำลังเข้าตรวจค้นและสามารถตรวจยึดอุปกรณ์ในการบรรจุแอลกอฮอล์จำนวนมาก และแอลกอฮอล์ที่บรรจุอยู่ในถังขนาดใหญ่อีก 6 ถัง และควบคุมตัวคนงาน 6 คน ที่กำลังช่วยกันใช้มือตักแอลกอฮอล์บรรจุใส่ขวดผลิตภัณฑ์ จากการตรวจสอบพบว่าไม่ได้มีการขออนุญาตแต่อย่างใด รวมทั้งสถานที่ดังกล่าวก็ไม่ได้มาตรฐานในการบรรจุเครื่องสำอางหรือแอลกอฮอล์ในการฆ่าเชื้อ ซึ่งเป็นการกระทำผิดตามพระราชบัญญัติเครื่องสำอาง พ.ศ.2558 ฐานผลิตเครื่องสำอางปลอม ผลิตเครื่องสำอางโดยไม่ได้จดแจ้งผลิตเครื่องสำอางไม่มีฉลาก และผลิตเครื่องสำอางที่แสดงฉลากที่ก่อให้เกิดความเข้าใจผิดในสาระสำคัญ ต้องระวางโทษสูงสุดไม่เกิน 2 ปี ปรับไม่เกิน 2 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

ด้าน พ.ต.อ.เนติ วงษ์กุหลาบ ผกก.4 บก.ปคม. กล่าวว่า การจับกุมครั้งนี้เนื่องจากเราได้รับการร้องเรียนว่ามีแหล่งเก็บแอลกอฮอล์ทั้งที่มีฉลากและไม่มีฉลากอยู่แถวพญาไทเป็นตึกคูหา เราจึงส่งกำลังเจ้าหน้าที่ไปตรวจสอบก็พบว่าเป็นไปตามจริงที่ร้องเรียนเพราะชาวบ้านเกรงว่าจะเกิดเพลิงไหม้ เราจึงเฝ้าสังเกตการณ์จนกระทั่งทราบว่ามีแหล่งผลิตเจลและแอลกอฮอล์ชนิดน้ำมาจาก 4 ที่ ในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา 2 ที่ จังหวัดสมุทรปราการอีก 2 ที่ พอเราหาข้อมูลจนแน่ชัดแล้วจึงนำกำลังเข้าทำการตรวจค้นพร้อมกันทั้ง 5 จุด