สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงวอชิงตัน สหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 14 ก.ย.ว่าบริษัทจอห์นสันแอนด์จอห์นสันของสหรัฐ เผยแพร่รายงานที่เป็นความคืบหน้าของการพัฒนาวัคซีนป้องกันโรคอีโบลา เป็นผลิตภัณฑ์ชีวภาพที่ใช้เทคโนโลยีไวรัล เวกเตอร์ มีชื่อทางการค้าว่า แซบดีโน/เอ็มวาเบีย ( Zabdeno / Mvabea ) ฉีดห่างกันประมาณ 8 สัปดาห์ โดยฉีดวัคซีนแซบดีโนก่อน ปรากฏว่า ภายในระยะเวลาประมาณ 21 วันหลังรับวัคซีนเข็มที่สอง คือ เอ็มวาเบีย 98% ของกลุ่มตัวอย่างสามารถตอบสนองต่อวัคซีนได้เป็นอย่างดี วัคซีนสามารถกระตุ้นให้ร่างกายสร้างภูมิคุ้มกันได้ในระดับน่าพึงพอใจ
ทั้งนี้ จอห์นสันแอนด์จอห์นสันยืนยันว่า ยังไม่พบผลข้างเคียงร้ายแรงเกิดขึ้นกับอาสาสมัครคนใดจากการทดสอบครั้งนี้ ซึ่งเป็นระยะสุดท้ายแล้ว และการตอบสนองทางภูมิคุ้มกันในร่างกายของกลุ่มตัวอย่างวัยผู้ใหญ่ สามารถคงอยู่ได้นานประมาณ 2 ปี หมายความว่า วัคซีนแซบดีโน/เอ็มวาเบีย มีประสิทธิภาพเพียงพอในการลดความเสี่ยงจากโรคอีโบลาให้แก่มนุษย์
ปัจจุบัน วัคซีนแซบดีโน/เอ็มวาเบีย ผ่านการรับรองจากองค์การยาแห่งสหภาพยุโรป ( อีเอ็มเอ ) เมื่อเดือน ก.ค.ปีที่แล้ว และผ่านการประเมินเบื้องต้นจากองค์การอนามัยโลก ( ดับเบิลยูเอชโอ ) เมื่อเดือน เม.ย.ที่ผ่านมา เพื่อใช้งานเป็นกรณีฉุกเฉิน ที่นอกจากนั้นยังมีวัคซีน "เออร์เวโบ" ( Ervebo ) ผลิตโดยบริษัทเมิร์คของสหรัฐ
อนึ่ง ดับเบิลยูเอชโอมีความกังวลว่า ในขณะที่สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ยังไม่สามารถควบคุมได้อย่างมีประสิทธิภาพในระดับเดียวกันทั่วโลก โดยทวีปแอฟริกาใต้ยังแทบไม่มีวัคซีนใช้ ขณะเดียวกัน ภูมิภาคแห่งนี้ยังคงเผชิญกับโรคติดต่อร้ายแรงที่มีการพบผู้ป่วยเป็นระยะ ทั้งโรคอีโบลา และโรคมาร์บัวร์ก ซึ่งเป็นโรคติดเชื้อไวรัสเฉียบพลันรุนแรง เกิดจากเชื้อไวรัสที่อยู่ในวงศ์ใกล้เคียงกับเชื้อไวรัสที่ก่อให้เกิดโรคอีโบลา.
เครดิตภาพ : GETTY IMAGES