เมื่อวันที่ 31 ส.ค. เวลา 15.40 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่สังคมคลางแคลงใจว่านายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ถูกส่งตัวจากเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร กรมราชทัณฑ์ ไปรักษาตัวที่ รพ.ตำรวจ จริงหรือไม่ และมีเสียงวิจารณ์ว่าหลบไปรักษาคตัวใน รพ.เอกชน ว่า ถ้าตนพอจะมีเครดิตอยู่บ้าง ก็ขอให้คำยืนยันว่าอยู่ที่ รพ.ตำรวจ จริง ได้ออกจากเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ จริง หลังจากที่ได้พักอยู่ถึงเวลาเที่ยงคืนของวันที่ถูกส่งตัวเข้าไป และเนื่องจากป่วย ความดันขึ้นเกือบ 200 กินยาสลายลิ่มเลือด และมีอาการแพ้อะไรบางอย่างที่ภาษาอังกฤษเรียกว่า “Depress” หรือสลดหดหู่ใจ จึงทำให้อาการทรุดหนักลง ส่วนหนักลงขนาดไหนนั้น ตนไม่ทราบ และได้ส่งตัวไปที่ รพ. ซึ่งตนได้พูดกับนายแพทย์ใหญ่ผู้อำนวยการ รพ.ตำรวจ ได้ฝากฝังให้เขาช่วยดูแล เพราะพ้นมาจากราชทัณฑ์แล้วส่งตัวมาที่ รพ.ตำรวจ ตัวนายทักษิณก็ยังอยู่ที่นั่น ใครไปเยี่ยมเยียนก็ไปเยี่ยมที่ รพ. แล้วอีกหน่อยคงจะเปิดให้ไปเยี่ยมได้

เมื่อถามว่านายทักษิณอาการหนักมากหรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า ตนไม่ทราบ และไม่เคยเห็น  ผู้สื่อข่าวถามว่าจะเป็นเหตุที่เป็นข้อมูลเพิ่มไปในการขอพระราชทานอภัยโทษได้หรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า เป็น โดยกรณีของคนที่ขอพระราชทานอภัยโทษนั้น โดยมากจะชี้แจงคุณงามความดี 3 ประการ คือ 1.คุณงามความดีในอดีตที่ได้เคยทำอะไรมาบ้าง ตรงนี้หมายถึงนักโทษทั่วไป 2.คุณงามความดีในปัจจุบัน เช่น ขณะนี้เป็นนักโทษแล้วได้เลื่อนชั้นเป็นชั้นดีเยี่ยม ได้สอนหนังสือในเรือนจำ ได้ทำงาน และในช่วงหลังนี้มีเรื่องเครดิตที่ใครได้เรียนวิชาสมาธิของหลวงพ่อวิริยังค์ ก็ให้คะแนนเป็นเครดิตอีก โดยระบุว่า หากอนาคต ข้าพระพุทธเจ้าได้พ้นโทษแล้ว จะไปทำคุณงามความมีอะไรต่ออะไร เช่น บางคนบอกว่าจะบวช เป็นต้น ซึ่งทั้งหมดนี้จะต้องเป็นคุณความดีที่จะต้องยื่นเข้าไป

เมื่อถามว่าครอบครัวของนายทักษิณได้มาปรึกษาเรื่องการขอพระราชทานอภัยโทษหรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า “ไม่มีครับ ไม่เคยเจอกันเลย”

ต่อข้อถามว่าสำหรับเอกสารการแพทย์จำนวนมากที่เป็นภาษาอังกฤษ จะต้องใช้เวลาแปลนานหรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า มีจำนวนเยอะมาก เพราะไม่ใช่เอกสารการแพทย์เมื่อครั้งที่ขึ้นเครื่องบินมา แต่จะต้องไปดูเอกสารการแพทย์ที่สะสมมาตลอดที่มีอาการป่วย 17 ปี ซึ่งมีจำนวนมาก สารพัดโรค ซึ่งตนได้เห็นแล้วว่ามีอะไรบ้าง เห็นบางโรค แต่ก็อ่านไม่ออก แปลไม่ถูก เพราะเป็นภาษาหมอ

เมื่อถามว่าเรื่องนายทักษิณขอพระราชทานอภัยโทษนั้น ได้ถึงมือนายวิษณุแล้วหรือยัง นายวิษณุ กล่าวว่า “ถึงแล้ว” เมื่อถามว่าแล้วขั้นตอนจากนี้จะเป็นอย่างไร นายวิษณุ กล่าวว่า ดำเนินการตามกระบวนการต่อไป

ผู้สื่อข่าวถามว่าเป็นการขอพระราชทานอภัยโทษด้วยตัวนายทักษิณเอง หรือญาติเป็นผู้ขอ นายวิษณุ กล่าวว่า “ตนไม่ตอบแล้วครับ” เมื่อถามอีกว่าเป็นการขอโดยตรงที่ไม่เกี่ยวเนื่องกับวันสำคัญใช่หรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า “ใช่ครับ เป็นการขอส่วนตัว ไม่ได้เกี่ยวกับโอกาสสำคัญ ไม่ต้องดูว่ารับโทษมาแล้วเท่าไหร่ อย่างไร ถือเป็นพระมหากรุณาธิคุณทั้งนั้น”

เมื่อถามว่าหลังจากนี้จะใช้เวลาตามขั้นตอนอีกนานหรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า “ขั้นตอนตามระเบียบเท่านั้นครับ ซึ่งขั้นตอนทางรัฐบาลนั้นไม่นาน แต่ขั้นตอนที่จะส่งพิจารณา ก็ต้องสุดแต่พระมหากรุณาธิคุณ” เมื่อถามย้ำว่าจะทันในช่วงที่นายวิษณุ อยู่ในตำแหน่งรัฐบาลรักษาการนี้หรือไม่ นายวิษณุ คิดครู่หนึ่งก่อนกล่าวว่า “ไม่ทราบ ตรงนี้ผมไม่รู้ และปมไม่รู้ว่าจะต้องอยู่ไปนานเท่าไหร่” เมื่อถามอีกว่าประเมินได้หรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า ประเมินไม่ถูกหรอกครับ เพราะผมอยู่เท่าที่รัฐบาลอยู่ และ ครม.ชุดใหม่ยังไม่ถวายสัตย์ปฏิญาณ ผมก็ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ เขายังตั้ง ครม .ยังไม่เสร็จ”

เมื่อถามว่าเมื่อถึงมือของนายวิษณุแล้ว ยังต้องใช้เวลาอีกใช่หรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า แน่นอน ซึ่งตนไม่สมควรพูด บางครั้งเป็นเรื่องส่วนตัวของเขา เมื่อถามอีกว่าขอในทุกคดีใช่หรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า “ผมไม่ตอบครับ”

ผู้สื่อข่าวถามว่าในการขอดังกล่าว นายทักษิณได้ระบุหรือไม่ว่าเมื่อพ้นโทษแล้วจะบวช นายวิษณุ กล่าวว่า “ไม่ทราบครับ ผมขอไม่ตอบ”

เมื่อถามว่าอยากฝากอะไรกับประชาชนให้มีความเชื่อมั่นในกระบวนยุติธรรม นายวิษณุ กล่าวว่า สำหรับตนคิดว่าไม่ใช่ 2 มาตรฐาน จะต้องแยกให้ออกว่าอะไรเป็นขั้นตอนตามสิทธิของเขา อะไรเป็นขั้นตอนที่เป็นความเห็นขอรัฐบาล อะไรที่เป็นพระมหากรุณา อยู่ในพระราชอำนาจ จะต้องแยกให้ออกเป็น 3 เรื่อง ดังนั้น 1 เป็นสิทธิของเขา ถ้าเขาไม่ขอ ก็ไม่มี 2 และ 3 ตามมา ดังนั้น ถ้าเขาขอ ก็ต้องมีข้อ 2 ตามมา คือขั้นความเห็นของรัฐบาล และขั้นต่อไปคือพระมหากรุณา เป็นพระราชอำนาจ จะพระราชทานอย่างไร ก็เป็นเรื่องเสร็จเด็ดขาดตามรัฐธรรมนูญ แล้วไม่ต้องให้เหตุผลด้วย