เมื่อวันที่ 22 ส.ค. พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น. พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น. พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. สั่งการให้เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนนครบาล พร้อมนักเรียนอบรมหลักสูตรสืบสวนคดีอาญา รุ่นที่ 111 เข้าจับกุมตัว นายทักษิณ พันเพียร อายุ 38 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลแขวงพระนครใต้ ที่ จ.409/2566 ลง 10 ส.ค. 2566 ข้อหา “ทำร้ายผู้อื่นเป็นเหตุให้ได้รับอันตรายสาหัส” โดยจับกุมได้ที่บริเวณสะพานข้ามคลอง ภายในซอยสุขสวัสดิ์ 26 แขวงบางมด เขตจอมทอง กรุงเทพฯ

สืบเนื่องจากเมื่อกลางปี 65 นายทักษิณ แก๊งทวงหนี้ขาโหดย่านหนองแขม มีประวัติโชกโชนทั้งยาเสพติด และอาวุธปืน ก่อเหตุลงมือกระทืบผู้เสียหาย ขณะกำลังจอดรถ จยย. จู่โจมด้วยลูกถีบขาคู่ จนคู่กรณีปลิวกลิ้งตกจากรถ จยย. และกระทืบซ้ำที่ใบหน้าของผู้เสียหายจนแน่นิ่ง ส่งผลให้ได้รับบาดเจ็บสาหัส เกือบเป็นผู้พิการไปตลอดชีวิต ยังไม่วาย หลังผู้เสียหายเข้าแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ จึงถูกเรียกมาโรงพัก ทำทีวางมาดพร้อมเคลียร์ ดึงเวลาให้ตายใจ ก่อนเผ่นหนี กระทั่งถูกตำรวจออกหมายจับ แต่ก็ยังมาวนเวียนให้ผู้เสียหายรู้สึกหวาดผวาอยู่หลายครั้ง ต้องระวังหน้าระวังหลังไม่เป็นอันทำมาหากิน จึงขอความช่วยเหลือมาที่ เพจสืบนครบาล

ต่อมา พล.ต.ต.ธีรเดช จึงส่งชุดสืบนครบาล และสืบสวน 111 ลงพื้นที่ จนทราบว่าพฤติกรรมขาโหดรายนี้ ทำตัวเป็นผู้มีอิทธิพล ตั้งแก๊งทวงหนี้โหดละแวก สุขสวัสดิ์-บางมด พล.ต.ต.ธีรเดช วางกำลังแฝงตัวย่านซอยสุขสวัสดิ์ 26 กระทั่งพบเจ้าตัวขี่รถมากับเพื่อนร่วมก๊วน แต่ไหวตัวทัน ขี่รถหลบหนีไป แต่ถูกเจ้าหน้าที่ไล่ล่าอย่างกระชั้นชิด จนไปถึง ถนนเจริญกรุง สาทร ช่วงกลางสี่แยกไฟแดง แต่ไม่ยอมจำนน บิดรถหนีไปได้อย่างหวุดหวิด ก่อนหันมา “แสยะยิ้ม” ให้เจ้าหน้าที่ กระตุ้นจิตวิญญาณ “หมาล่าเนื้อ” จากนั้นชุดสืบสวนนครบาลจึงขี่รถ จยย. ของพลเมืองดี ติดตามไปอย่างทุลักทุเล โดยใช้เวลากว่า 4 ชั่วโมง จนสามารถเข้าจับกุมได้ โดยเจ้าตัวพยายามต่อสู้ขัดขืนเจ้าหน้าที่ และพยายามจะกระโดดลงน้ำเพื่อหลบหนีเแต่ไม่รอด

สอบสวนนายทักษิณ ให้การรับสารภาพว่า ตนเคยถูกจำคุกในคดียาเสพติด เมื่อประมาณปี 2550, ปี 2559, ปี 2562 และคดีพกพาอาวุธปืนไปในที่สาธารณะโดยไม่มีเหตุอันควร และในคดีนี้ เมื่อประมาณปี 2565 ได้มีปากเสียงกับเพื่อนร่วมงาน ซึ่งได้ขี่รถ จยย.รับจ้าง จนได้ลงมือทำร้ายร่างกายเพื่อนร่วมงาน โดยเตะไปที่ใบหน้าของผู้เสียหายเป็นจำนวนหนึ่งครั้ง จากนั้นก็ได้กระทืบซ้ำไปจำนวนหลายครั้ง ทำให้ผู้เสียหายล้มลงและสลบไป ซึ่งหลังจากก่อเหตุก็ติดต่อขอเคลียร์กับคู่กรณีหลายครั้ง แต่ตกลงไม่ได้ จึงหลบหนี โดยยืนยันว่าที่ทำไปไม่ได้เกี่ยวกับแก๊งเงินกู้ หรือการทวงหนี้ และที่หลบหนีไม่ยอมเจ้าหน้าที่แต่โดยดี เพราะคิดว่าเป็นเด็กช่าง

พล.ต.ต.ธีรเดช กล่าวว่า เราไม่ปักใจเชื่อในคำให้การของคนร้ายรายนี้ ผู้ต้องหามีประวัติต้องคดียาเสพติดและพกอาวุธปืนไปที่สาธารณะ การลงมือก่อเหตุมีลักษณะของจิตใจที่อำมหิต และจากการสืบสวน ยังพบพฤติกรรมทำตัวเป็นผู้มีอิทธิพล เก็บเงินกู้ ซ่องสุมกำลัง ใช้ความรุนแรง เราจะมีการขยายผลไปถึงเครือข่ายเงินกู้เถื่อนพวกนี้จนถึงที่สุด และขอเตือนผู้ที่คิดจะทำธุรกิจสีเทาในลักษณะนี้ว่า จะผู้มีอิทธิพลใดๆ ผมไม่กลัว.