จากกรณีไม้พะยูงของกลาง 7 ท่อน มูลค่ากว่า 1 ล้านบาท หายไปจากสำนักงานเทศบาลตำบลอิตื้อ อ.ยางตลาด จ.กาฬสินธุ์ อย่างไร้ร่องรอย เมื่อช่วงคืนวันที่ 5 ส.ค.66 ที่ผ่านมา ท่ามกลางกระแสว่ามีบุคคลของรัฐไม่น้อยกว่า 6 คน เข้าไปเกี่ยวข้อง แต่จากแนวทางการสอบสวนผุ้เกี่ยวข้องให้การปฏิเสธ ถึงวันนี้ยังไม่มีความคืบหน้าของคดี แต่กลับมีปัญหาการตัดไม้พะยูงรายวันในพื้นที่ จ.กาฬสินธุ์ โดยเฉพาะที่โรงเรียนคำไฮวิทยา ต.หนองกุงศรี อ.หนองกุงศรี จ.กาฬสินธุ์ ซึ่งมีการเปิดให้นายหน้าเข้ามาตัดไม้พะยูงภายในโรงเรียนถึง 22 ต้น ในราคา 1.53 แสนบาท ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น

เปิดเอกสารหลักฐาน ‘ใบเสร็จรับเงิน’ ซื้อไม้พะยูงถึงโรงเรียน 22 ต้น ราคาแค่ 1.53 แสนบาท

เกี่ยวกับเรื่องนี้ เมื่อวันที่ 20 ส.ค. มีรายงานแจ้งว่า นายศุภศิษย์ กอเจริญยศ ผวจ.กาฬสินธุ์ ได้กำชับ ปปช.- สตง.-ปปท.รวมไปถึง ตำรวจให้เร่งดำเนินการเอาผิดและจับกุมเพื่อยุติวงจรอุบาทว์ทั้งขบวนการ ล่าสุดจัดทีมเฉพาะกิจ โดยการนำของ นายธวัชชัย รอดงาม รอง ผวจ.กาฬสินธุ์ เข้าตรวจสอบข้อเท็จจริงปมไม้พะยูงโรงเรียนคำไฮวิทยา 22 ต้น ประมูลขายให้นายหน้าเพียง 153,000 บาท ปัญหาไม้พะยูงเกิดขึ้น 2 คดี คือ

1.เป็นกรณีไม้พะยูงจำนวน 7 ท่อน มูลค่า 1 ล้านบาท หายไปจากสำนักงาน ทต.อิตื้อ อ.ยางตลาด จ.กาฬสินธุ์ ถูกขบวนการมอดไม้ขนย้ายไป แต่แหล่งข่าววงในระบุว่ามีการซื้อขายกันราคา 290,000 บาท และกรณีที่ 2.เป็นกรณี ผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษากาฬสินธุ์ เขต2 ร่วมกับ ธนารักษ์พื้นที่กาฬสินธุ์ อนุญาตให้ นายหน้าเข้าประมูลไม้พะยูงโรงเรียนคำไฮวิทยา อ.หนองกุงศรี จ.กาฬสินธุ์ ตัดขายไป 22 ต้น แต่สามารถตัดได้เพียง 17 ต้น เนื่องจากไม้เต็มรถสิบล้อก่อน ในราคา นำเงินเข้าหลวงเพียง 153,000 บาท

ขณะเดียวกัน ได้มีการเปิดเอกสารหลักฐานการชำระเงินจากนายทุนคนหนึ่ง เพื่อซื้อไม้พะยูงจำนวน 22 ต้น และตอไม้จำนวน 2 ตอ กับ โรงเรียนคำไฮวิทยา ระบุจำนวนเงิน 1.53 แสนบาท โดยมีการลงชื่อผู้รับเงินอย่างถูกต้อง ตามเอกสารยังมีการคิดราคาประเมินขนาดความโตมาคำนวณปริมาตรไม้โดยใช้สูตร (โต คูณ โต คูณ สูง คูณ7.96 บวก 100,000)จะได้ปริมาตรเป็นรายต้น รวมจำนวน 22 ต้น 11 นาง ปริมาตรวัดได้ 17.22 ลูกบาศก์เมตร ตกลงประเมินซื้อขายเฉลี่ยราคาประเมินลูกบากศก์เมตรละ 10,000 บาท ซึ่งเอกสารวิธีการซื้อขายและใบเสร็จรับเงินดังกล่าว ได้ถูกส่งต่อเพื่อรวบรวมในกระบวนการสอบสวนข้อเท็จจริงเป็นที่เรียบร้อย เนื่องจากกรณีนี้หลายฝ่ายตั้งข้อสังเกตว่า ไม้พะยูงเป็นไม้มีค่ามีราคาและอยู่ในที่ราชพัสดุ ซึ่งราคาที่ขายออกไปเพียง 1.53 แสนบาทจึงเป็นราคาที่ไม่สมเหตุสมผล

ด้านแหล่งข่าวด้านความมั่นคง ได้นำเอกสารการซื้อขายไม้พะยูงซึ่งเป็นไม้วิธีคิดราคากลางไม้แปรรูปหวงห้ามมาตรวจสอบ โดยไม้พะยูงอยู่ในประเภท ก ไม้หวงห้ามธรรมดา หากเป็นไม้พะยูง แดงจีน (Dolbergia cochinchensis) ถือเป็นชั้นไม้คุณภาพดี ชนิดไม้เป็นที่นิยมของตลาด ราคาไม้ท่อนจะตกอยู่ที่ 250,000 (บาท/ลบ.ม.) หากเป็นไม้ที่แปรรูปแล้ว จะอยู่ที่ 500,000 (บาท/ลบ.ม.) ซึ่งหากเปรียบเทียนกับราคาที่ขายครั้งนี้ของ โรงเรียนคำไฮวิทยา ซึ่งการซื้อขายอยู่ที่ 17.22 ลูกบากศ์เมตร เมื่อนำมาคูณกับราคาไม้ท่อนจะตกที่ราคา 4,305,000 บาท (สี่ล้านสามแสนห้าพันบาท)

แต่หากเป็นราคาไม้พะยูงแปรรูป จะมีราคาสูงถึง 8,610,000 บาท (แปดล้านหกแสนหนึ่งหมื่นบาท) ที่วัดตามปริมาตรไม้มาคำนวณและพบว่า มีการซื้อขายต่ำกว่าท้องตลาดมากถึง 28-56 เท่าตัว ถือเป็นราคาที่ต่ำกว่าตลาดหรือไม่ ซึ่งอยู่ระหว่างการสืบสวนสอบสวน โดย พล.ต.ต.สุวรรณ์ เชี่ยวนาวินธวัช ผบก.ภ.จว.กาฬสินธุ์ ได้ติดต่อให้ นายหน้ารายหนึ่งเข้ามาให้ปากคำแล้ว และคาดว่าจะมีข่าวใหญ่ในการจับยกขบวนการขโมยไม้พะยูงของกลางที่หน้าเสาธง สำนักงานเทศบาลตำบลอิตื้อ เร็ว ๆ นี้

นายศุภศิษย์ ยังระบุด้วยว่า ปัญหาการตัดไม้พะยูง ภายในโรงเรียนคำไฮวิทยา นั้น ได้รับรายงานเบื้องต้นจากนายอำเภอหนองกุงศรี ทราบว่า เรื่องนี้ไปเกี่ยวพัน 3 ฝ่าย ที่อนุญาตกันเอง ประกอบด้วย 1.ผอ.โรงเรียนคำไฮวิทยา 2.ผอ.เขตพื้นที่การศึกษากาฬสินธุ์ เขต 2 และ 3. ธนารักษ์พื้นที่กาฬสินธุ์ อนุญาตให้ตัดเพื่อหาเงินเข้าหลวง เนื่องจากตามระเบียบกรมธนารักษ์แล้ว การจะตัดไม้ในเขตพื้นที่ราชพัสดุได้นั้น มีข้อยกเว้นในกรณีที่มีความจำเป็นอันหลีกเลี่ยงไม่ได้ ให้รวบรวมรายละเอียดข้อเท็จจริง พร้อมทั้งเหตุผลและความจำเป็น โดยเปรียบเทียบผลดีและผลเสียในการดำเนินการ พร้อมทั้งความเห็นที่เกี่ยวข้องแล้วส่งให้กรมธนารักษ์พิจารณาความเหมาะสมเป็นรายกรณี

โดยกรณีนี้ เรื่องการตัดไม้พะยูงที่โรงเรียนคำไฮวิทยานั้น สาเหตุเกิดจากฝีมือของเจ้าหน้าที่รัฐ ที่ทางธนารักษ์พื้นที่กาฬสินธุ์ออกหนังสืออนุญาตให้พ่อค้าไม้พะยูงมาตัด ทั้งที่มีหนังสือข้อสั่งการทางจังหวัดห้ามตัด และมีการขนไม้พะยูงไปเต็มรถสิบล้อ มีหลักฐานปรากฏเป็นรูปถ่ายโดยเฉพาะเอกสารเป็นใบเสร็จรับเงินเพียง 1.53 แสนบาท เท่านั้น ซึ่งก็ได้ย้ำให้ ปปช.-สตง.-ปปท. และตำรวจเร่งสอบสวนเอาผิดทั้งหมด.