เมื่อวันที่ 18 ส.ค.น.ต.ศิธา ทิวารี แคนดิเดตนายกฯ พรรคไทยสร้างไทย (ทสท.) โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ระบุว่า  “สลายขั้ว vs. ก้าวข้ามความขัดแย้ง” ใจความว่า สมัยที่ ลุงตู่ ลุงป้อม ยึดอำนาจ ปี’57 ได้เคยออกคำสั่ง คสช.ที่ 14/2557 เรียกนายเศรษฐา ทวีสิน มารายงานตัว (ปรับทัศนคติ) ที่หอประชุมกองทัพบก ตลอดระยะเวลา 9 ปีที่ผ่านมา 2 ลุง มีอำนาจสูงสุดในการบริหารประเทศ ลุงทั้งสองได้แสดงจุดยืนให้เห็นชัดเจนว่า ลุงวางตัวอยู่เหนือองค์กรต่างๆ รวมถึงพรรคเพื่อไทย ซึ่งเป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาลครั้งนี้ อย่างสิ้นข้อสงสัย

เมื่อเพื่อไทย เลือกที่จะจัดตั้งรัฐบาล ด้วยการเล่นเกมวัดกำลังทางการเมือง โดยไม่คำนึงถึงเจตนารมณ์ของประชาชนเช่นนี้ ทำให้พรรคเพื่อไทย สุ่มเสี่ยงต่อการดำรงสถานะ พรรคแกนนำ ในการ จัดตั้งรัฐบาล 66 เป็นอย่างยิ่ง

ในเกมที่ไม่มีพรรคร่วม 8 พรรคเดิมหนุนหลัง เมื่อเทียบทั้ง บารมี, ศักดิ์ศรี, อีโก้, วัยวุฒิ, การคุมเสียง 188 ส.ส. กับอีก 249 สว. รวมถึงการใช้ ใจบันดาลแรง ต้องยอมรับว่าลุงป้อมได้เปรียบ ว่าที่นายกฯของพรรคเพื่อไทยทั้ง 3 คน อยู่หลายขุม

การโหวตเลือกนายกฯในวันที่ 22 สิงหาฯนี้ จึงต้องมาลุ้นกันว่า

1.ลุงป้อม จะใช้ใจบันดาลแรง เพียงเพื่อให้พรรคตัวเองต้องมาอยู่ภายใต้การนำของบุคคลที่ลุงเคยเรียกมาปรับทัศนคติ หรือว่า

2.ลุงมีวัตถุประสงค์ที่เลยธงไปไกลกว่านั้น ตามเจตนารมณ์ที่ลุงป้อม ใช้ ใจบันดาลแรง ในการลงมานำพรรค สู้ศึกเลือกตั้งในครั้งนี้

อย่าลืมว่า “จนถึงปัจจุบัน ยังไม่มีใครเคยเห็น #ลุงป้อม ตัวเป็นๆ ไปร่วมวงกิน ช็อกมิ้นต์ ถึงพรรคเพื่อไทย เลยซักครั้ง”

เลือกก้าวไกลประเทศไทยไม่เหมือนเดิม เพราะ เลือกก้าวไกลคนไทยไม่ต้องนอน ต้องลุ้นการเมืองกันแบบ ไม่ต้องกะพริบตาเลยทีเดียว