จากกรณีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) โดย พ.ต.ต.สุริยา สิงหกมล อธิบดีดีเอสไอ สั่งการให้คณะพนักงานสอบสวนชุดคลี่คลายคดีขบวนการลักลอบนำเข้าซากสุกรแช่แข็ง 161 ตู้ ภายในราชอาณาจักรไทย ซึ่งนำโดย พ.ต.ต.ณฐพล ดิษยธรรม หัวหน้าคณะพนักงานสอบสวน และ ร.ต.อ.ชาญณรงค์ ทับสาร เลขานุการ พร้อมคณะ เร่งสืบสวนสอบสวนหาผู้กระทำความผิด รวบรวมพยานหลักฐาน ออกหมายเรียกพยานแก่บุคคลที่เกี่ยวข้อง อาทิ บริษัทสายเรือที่รับจ้างนำเข้าสินค้าทั้ง 17 แห่ง เจ้าหน้าที่กรมศุลกากร เป็นต้น ประสานความร่วมมือเรื่องรายละเอียดทางคดี และเอกสารกับกรมปศุสัตว์ กรมศุลกากร พร้อมทั้งเตรียมหารือพูดคุยถึงขั้นตอนการขนย้ายซากสุกรแช่แข็ง (ของกลาง) สำหรับทำลายฝังกลบที่อำเภออรัญประเทศ จังหวัดสระแก้ว ตามที่มีการนำเสนอข่าวไปอย่างต่อเนื่องแล้วนั้น

เกี่ยวกับเรื่องนี้ เมื่อวันที่ 17 ส.ค. ผู้สื่อข่าว “เดลินิวส์” ได้รับการเปิดเผยถึงความคืบหน้าทางการสอบสวนจาก พ.ต.ต.ณฐพล ดิษยธรรม หัวหน้าคณะพนักงานสอบสวน ว่า วันนี้พนักงานสอบสวนได้นำหมายค้นจากศาลลงพื้นที่ตรวจค้นทั้งหมด 11 จุด อาทิ ในพื้นที่กรุงเทพฯ (ลาดกระบัง ประเวศ หมู่บ้านพฤกษาวิลล์) จ.ลพบุรี จ.นครปฐม เป็นต้น เพื่อเข้าตรวจยึดเอกสารที่ระบุถึงการสั่งสินค้าจากประเทศต้นทาง โดยทั้งหมดเป็นบริษัทนำเข้าสินค้าที่เกี่ยวข้องกับขบวนการลักลอบนำเข้าซากสุกรแช่แข็งทั้ง 161 ตู้ อย่างไรก็ตามก่อนหน้านี้ เราได้รับเอกสารบางส่วนจากทางกรมศุลกากรแล้วเช่นเดียวกัน แต่การตรวจยึดในวันนี้นั้น เป็นไปเพื่อนำไปใช้ยืนยันในส่วนของเอกสารการนำเข้า อีกทั้งบริษัทเหล่านี้ ต่างนำเข้าซากสุกรกันรายละประมาณ 10-30 ตู้ ส่วนการเรียกสอบปากคำเจ้าของบริษัทนำเข้าทั้ง 11 จุด ในฐานะพยาน พนักงานสอบสวนจะดำเนินการออกหมายเรียกภายหลังจากที่ตรวจสอบเอกสารครบถ้วน

นอกจากนี้ ระหว่างการดำเนินการสอบสวนที่ผ่านมา บริษัทสายเรือทั้ง 17 แห่ง ซึ่งมีหน้าที่รับว่าจ้างบริษัทนำเข้าสินค้า (นำเข้าซากสุกรแช่แข็งทั้ง 161 ตู้) ได้มีการเข้าให้ปากคำในฐานะพยาน กับพนักงานสอบสวนครบทั้งหมดแล้ว ซึ่งการเข้าให้ปากคำของบริษัทสายเรือ มีประโยชน์ต่อสำนวนเป็นอย่างมาก เพราะแต่ละบริษัทสายเรือ ได้ให้ปากคำว่ ามีบริษัทนำเข้ากี่เจ้าที่ว่าจ้าง จึงเป็นสาเหตุของการขยายผล เข้าตรวจค้นบริษัทนำเข้าทั้ง 11 จุด ในวันนี้ อีกทั้งเราจะต้องมาตรวจสอบต่อว่า ใครที่เป็นคนลงนามสั่งสินค้าเข้ามา เพราะเรายังพบด้วยว่า มีบางบริษัทใน 11 จุด ที่ถูกปล่อยทิ้งร้างไว้ และในช่วงบ่ายวันนี้ จึงจะทราบว่ามีรายละเอียดใดเพิ่มเติมบ้าง ที่พบจากการตรวจค้น

พ.ต.ต.ณฐพล เผยอีกว่า ส่วนกรณีที่มีรายงานอ้างว่ามีนายทุน 4-5 ราย อยู่เบื้องหลังขบวนการลักลอบนำเข้าหมูเถื่อน หลังจากนี้เราจะมีการขยายผลต่อเนื่องแน่นอน แต่ในขั้นตอนนี้ จะต้องทำในส่วนของการสอบสวน รวบรวมพยานหลักฐานเบื้องต้นให้เสร็จสิ้น จึงจะสามารถเชื่อมโยงไปยังนายทุนกลุ่มดังกล่าวได้ สำหรับการออกหมายเรียกพยาน/ผู้ต้องหากับ 11 ชิปปิ้งเอกชน ก็เช่นเดียวกัน เราจะทำเป็นขั้นตอน ค่อยๆ ดำเนินการไปทีละส่วน

เมื่อถามถึงประเด็นที่นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม ได้มีการมาร้องที่ดีเอสไอว่า กรณีของหมูเถื่อนยังคงมีการตกค้างจำนวนตู้คอนเทเนอร์กว่า 1,000 ตู้ ตามท่าเรือต่างๆ เช่น ท่าเรือมุกดาหาร ท่าเรือคลองเตย ในส่วนนี้มีการตรวจสอบอย่างไรบ้างหรือไม่นั้น พ.ต.ต.ณฐพล เผยว่า ตนได้รับทราบประเด็นดังกล่าวแล้ว แต่ในส่วนนี้ จะเป็นการที่ต่างกรรมต่างวาระ เนื่องจากทราบว่า ทางกรมศุลกากรและกรมปศุสัตว์อยู่ระหว่างดำเนินการ หากพบว่ามีความผิดเป็นไปตามนั้นจริง กรมศุลกากรหรือกรมปศุสัตว์ จะต้องมาร้องทุกข์กล่าวโทษกับทางดีเอสไออีกครั้งในภายหลัง คล้ายกับกรณีการเริ่มต้นทำคดีของขบวนการลักลอบนำเข้าหมูเถื่อน 161 ตู้

ต่อข้อถามว่าจะมีการตั้งคณะกรรมการที่มีภาคประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมสังเกตการณ์กระบวนการขนย้ายทำลายของกลางหมูเถื่อนอย่างไรบ้าง เพราะทางด้านนายอัจฉริยะ และตัวแทนผู้เลี้ยงสุกรรายย่อย มีความกังวลเรื่องของกลางล่องหน พ.ต.ต.ณฐพล เผยว่า ในวันพรุ่งนี้ (18 ส.ค.) เวลา 13.30 น. ที่ อาคารกรมสอบสวนคดีพิเศษ ดีเอสไอจะมีการประชุมร่วมกับตัวแทนจากกรมศุลกากรและกรมปศุสัตว์ เพื่อหารือให้เป็นมติเอกฉันท์เกี่ยวกับการกำหนดวันเวลา และขั้นตอนการขนย้ายเนื้อหมูเถื่อน หรือของกลางในคดี รวมถึงการทำลายฝังกลบด้วย