เมื่อวันที่ 10 ส.ค. ที่ สภ.บางพลี สมุทรปราการ นายกัณฐัศว์ พงศ์ไพบูลย์เวชย์ หรือ กัน จอมพลัง ได้พา นายสมิทร์ (สงวนนามสกุล) อายุ 26 ปี ผู้บาดเจ็บถูกขาใหญ่ในพื้นที่บางพลี จ.สมุทรปราการ ใช้ไม้เบสบอลฟาดหน้าจนตาซ้ายบอด กะโหลกร้าว แล้วหลบหนีไป เข้าพบ พ.ต.อ.วิโรจน์ ตัดโส ผกก.สภ.บางพลี จ.สมุทรปราการ เพื่อติดตามความคืบหน้าคดี หลังน้องสาวผู้ได้รับบาดเจ็บ ร้องขอความเป็นธรรมหลังผ่านมาเกือบ 2 เดือนคดีไม่คืบ ทั้งที่มีหลักฐานภาพกล้องวงจรปิดจับภาพก่อนเกิดเหตุ มีชาย 2 คน ขี่รถจยย.ภายในซอยที่เกิดเหตุ เพียง 1 คัน คนซ้อนท้ายถือไม้เบสบอลด้ามใหญ่ ซึ่งคาดว่าขี่จยย.วนดักรอผู้บาดเจ็บ

น้องสาวผู้บาดเจ็บ อายุ 23 ปี เล่าว่า เมื่อวันที่ 18 มิ.ย.66 ช่วงเวลา 02.00 น. หลานชาย อายุ 22 ปี ไปเที่ยวที่ร้านเหล้าแห่งหนึ่ง ย่านตลาดนัดเรือบิน ต.บางโฉลง อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ แล้วมีเรื่องกับวัยรุ่นกลุ่มอื่น จากนั้นหลานโทรศัพท์มาบอกตน จึงให้พี่ชายผู้บาดเจ็บไปช่วยดูเพราะเป็นห่วงพี่ชายจึงขี่จยย.ไปคนเดียว ระหว่างที่อยู่ภายในซอยพลูเจริญ ขณะที่พี่ชายเลี้ยวเข้าซอยกลับถูกผู้ก่อเหตุดักตีหงายท้องตกจากรถจยย.หมดสติทันที โดยเพื่อนที่ขี่รถจยย.ตามมาเห็นเหตุการณ์ และพยายามขี่ตามคนร้าย แต่ตามไม่ทัน ตนจึงพาพี่ชายนำส่งโรงพยาบาล และเข้าแจ้งความดำเนินคดีผู้ก่อเหตุ ที่ สภ.บางพลี

นายสมิทธ์ ผู้บาดเจ็บ เปิดเผยว่า วันเกิดเหตุหลังจากที่รู้ว่าหลายชายมีเรื่องกับกลุ่มวัยรุ่ยกลุ่มหนึ่ง จึงรีบขี่รถจยย.ออกไปดู ขณะที่ถึงซอยพลูเจริญ จุดเกิดเหตุรู้สึกเหมือนถูกของแข็งฟาดที่ใบหน้าอย่างแรง หลังจากนั้นก็ภาพตัดรู้สึกตัวขึ้นมาอีกทีที่โรงพยาบาล ตนได้รับบาดเจ็บบริเวณตาซ้าย มองอะไรไม่เห็นและปวดศรีษะ คุณหมอแจ้งว่ากะโหลกศีรษะแตก ตาบอดร้อยเปอร์เซ็นต์ ซึ่งตนมาทราบภายหลังว่าผู้ก่อเหตุเป็นใคร และยืนยันว่าไม่เคยรู้จักและไม่เคยมีเรื่องกันมาก่อน จึงไม่รู้ว่ามาทำร้ายตนทำไม แต่รู้ว่าผู้ก่อเหตุเป็นขาใหญ่ในพื้นที่บางพลี และยังโพสต์เฟซบุ๊กท้าทาย ขมขู่ว่าเมื่อไหร่จะเอาตำรวจมาจับ และมาเอาคืน ซึ่งหลังจากนี้จะเอาเรื่องให้ถึงที่สุด

กัน จอมพลัง เผยว่า หลังจากที่ผู้เสียหายมาร้องขอความช่วยเหลือ รู้สึกว่าผู้ก่อเหตุมีพฤติกรรมค่อนข้างกร่างในพื้นที่ ไม่มีความเกรงกลัวต่อกฎหมาย และเลือกก่อเหตุแบบไม่เลือกบุคคล ลักษณะเหมือนเจอใครลงมือหมดและหลังก่อเหตุไม่มีการมาเยียวยาผู้บาดเจ็บ ซึ่งยังใช้ชีวิตอย่างปกติและยังโพสต์โซเชียลท้าทายโดยไม่มีการสำนึก ตนจึงได้ประสาน พ.ต.อ.วิโรจน์ เพื่อติดตามความคืบหน้าคดีดังกล่าว

พ.ต.อ.วิโรจน์ ระบุว่า เบื้องต้น จากการตรวจสอบพยานหลักฐานแล้ว สามารถออกหมายจับผู้ก่อเกตุทั้ง 2 รายแล้ว ในข้อหา “ร่วมกันทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนเป็นเหตุได้รับบาดเจ็บสาหัส” หากตามจับกุมได้แล้วนั้น และมีการสอบปากคำผู้ต้องหา และได้รับใบรับรองแพทย์มายืนยันว่า ผู้บาดเจ็บได้รับการรักษาเกินกว่า 20 วันนั้น ก็จะแจ้งข้อหาผู้ต้องหา “พยายามฆ่า“ ซึ่งเป็นชายวัย 36 ปี 1 ราย และเยาวชนอายุ 18 ปี 1 ราย อยู่ระหว่างติดตามตัว พร้อมฝากถึงญาติผู้ก่อเหตุที่ปรากฎในวงจรปิดทั้ง 2 คน หากเห็นข่าว อยากให้แนะนำ บุตรหลาน มามอบตัว แต่หากไม่มายืนยันว่า เจ้าหน้าที่จะต้องติดตามจับกุมตัวให้ได้เร็วที่สุด

จากนั้นกัน จอมพลัง พาผู้เสียหายลงพื้นที่เกิดเหตุ ก่อนไป หมู่บ้านเกาะบางโฉลง ต.บางโฉลง อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ ซึ่งเป็นหมู่บ้านที่กลุ่มผู้ก่อเหตุพักอาศัย โดยมี นายวิษณุ ลอยแก้ว ผู้ใหญ่บ้าน พาเดินทางไปยังบ้านผู้ก่อเหตุ พบว่าบ้านผู้ก่อเหตุเป็นบ้านปูนยกสูงชั้นเดียวหลังสีฟ้า และประตูหน้าบ้านถูกล็อกด้วยแม่กุญแจ ไม่มีคนอยู่ในบ้าน โดยนายวิษณุ ให้ข้อมูลว่า ผู้ต้องหา ปกติจะอาศัยอยู่อยู่บ้านกับแม่ ส่วนพ่อเสียชีวิตแล้ว เป็นคนนิสัยก้าวร้าว ควบคุมสติอารมณ์ไม่ อยู่เวลาโมโห สาเหตุน่าจะมาจากเคยต้องโทษคดีค้ายาเสพติด และเข้าไปอยู่ในคุกมานาน 10 กว่าปี และพึ่งออกมาได้ไม่นาน อยู่แถวนี้มีลักษณะเป็นขาใหญ่ มีลูกน้องเครือข่ายของตัวเองประมาณหนึ่งปัจจุบัน ไม่ได้ประกอบอาชีพอะไร ชอบไปสังสรรค์กับกลุ่มเพื่อน