เมื่อวันที่ 10 ส.ค. นายอิทธิพร บุญประคอง ประธานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กล่าวกรณี ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ สั่งให้ กกต. ชี้แจง 8 ประเด็นเกี่ยวกับกระบวนการจัดการเลือกตั้งและกรณีมีมติว่านายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ สส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคก้าวไกล มีลักษณะต้องห้ามในการลงสมัครรับเลือกตั้ง ว่า เบื้องต้นได้ทราบข่าวว่า ศาลฯ ให้ กกต. ชี้แจง 8 ประเด็น แต่ขณะนี้หนังสือยังมาไม่ถึง จึงยังอยู่ในระหว่างกระบวนการของสำนักงานว่า 8 ประเด็นนั้น กกต. จะตอบว่าอะไรบ้าง แต่ขอให้มั่นใจว่า กกต. จะตอบครบทั้ง 8 ประเด็น และไม่คิดว่ามีอะไรหนักใจ รายละเอียดรอสำนักงานเสนอขึ้นมา

ส่วนที่มีประเด็นคำถามว่า กกต. เคยได้รับทราบหรือมีการชี้แจงจากนายพิธา เรื่องการถือหุ้น บมจ.ไอทีวี เมื่อครั้งนายพิธา เป็น สส. ปี 62 หรือไม่นั้น กกต. ยังไม่ได้รับแจ้งอะไร จึงยังไม่สามารถตอบรายละเอียดได้ แต่ในการเลือกตั้งครั้งล่าสุดนี้ กกต. ตรวจสอบคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามของผู้สมัคร สส. 5 พันกว่าคน ด้วยกระบวนการเดียวกัน คือมีหนังสือสอบถามไปยังหน่วยงานที่มีหน้าที่รับผิดชอบในด้านต่างๆ และถ้าได้รับผลมาแล้ว พบว่ามีลักษณะต้องห้าม ก็จะพิจารณาไม่ประกาศชื่อ แต่ถ้าไม่มีลักษณะต้องห้าม ก็จะประกาศชื่อ และก็มีกระบวนการที่ว่า เราประกาศชื่อไปแล้วพบว่า มีลักษณะต้องห้ามก็จะมีการถอนชื่อได้ ซึ่งก็ดำเนินการเหมือนทุกครั้ง ซึ่งกรณีการถือหุ้นของนายพิธา มีผู้มาร้องเรียนภายหลัง 3 ราย แต่ตอนที่ กกต. ตรวจคุณสมบัติ ไม่มีหน่วยงานไหนรายงานมาว่าพบนายพิธาถือหุ้น

นายอิทธิพร ยังกล่าวถึงความคืบหน้าการไต่สวนเอาผิดนายพิธา กรณีรู้อยู่แล้วว่าไม่มีสิทธิสมัครรับเลือกตั้งแต่ยังลงสมัครตามมาตรา 151 พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง สส. ว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาของคณะกรรมการสืบสวนไต่สวน ซึ่งทราบว่ามีการส่งเรื่องมาให้กับสำนักงาน ซึ่งเมื่องานของคณะกรรมการสืบสวนไต่สวนดำเนินการเสร็จแล้ว ก็จะส่งมายังส่วนกลางที่มีเลขาธิการ กกต. และก่อนได้มีการส่งเรื่องมาให้ กกต. พิจารณา ก็ต้องผ่านการพิจารณาของคณะอนุกรรมการวินิจฉัยและคดี ซึ่งทราบว่าขณะนี้เรื่องเคลื่อนที่มาอยู่ที่สำนักงานแล้ว.