ถูกจับตามองตั้งแต่ออกมาเป็นนักแสดงอิสระแล้วสำหรับหนุ่มหล่อ เขต ธาราเขต ที่ล่าสุดเดินทางมาเล่าหมดทุกเรื่องราวผ่านรายการคุยแซ่บ Show พร้อมเรื่องที่หลายคนไม่เคยรู้ว่าชีวิตวัยเด็กสุดลำบาก พ่อแม่แยกทาง ตัวเองเป็นเด็กปั๊มนั่นเอง
เขต เผยว่า “วัยเด็กของเขตต้องบอกว่าชีวิตเขตเริ่มจากศูนย์ เพราะว่าเป็นเด็กบ้านนอก พูดได้เต็มปาก มั่นใจและภูมิใจด้วยเป็นเด็กบ้านนอกหนึ่งคนเลย คุณพ่อ คุณแม่แยกทางกันตั้งแต่เด็ก ผมประมาณ 6-7 ขวบได้ ผมว่าตอนผมเป็นเด็กผมอาจจะไม่ได้เข้าใจร้อยเปอร์เซต์นะ แต่เราก็เข้าใจสถานการณ์ว่าเราต้องอยู่กับใคร เราเห็นหลายๆ เหตุการณ์ที่คุณพ่อ คุณแม่ทะเลาะกัน ก็เข้าใจ แต่พอโตมาเรามองย้อนกลับไป เรารู้สึกว่าเข้าใจเขานะว่าวันนั้นมันเกิดอะไร เขาไม่ได้อธิบายครับ เขาแค่สอนเราว่าให้เป็นเด็กดีนะ โตไปให้ทำตัวดีๆ ตอนนั้นเราเองก็มาอยู่กับคุณแม่ เมื่อก่อนคุณแม่ทำงานอยู่องค์กรโทรศัพท์ ก็ออกมาทำเป็นเสมียนปั๊ม ผมตอนนั้นด้วยความเด็ก ต้องปั่นจักรยานไปดูแม่บ้าง ไปช่วยคุณแม่บ้าง มาดูน้องสาวด้วย ผมก็ไม่รู้ว่าตอนนั้นผมคิดได้ยังไงด้วยความที่อยากจะช่วยคุณแม่แบ่งเบทภาระ ก็เลยอาสาช่วยคุณแม่เติมน้ำมันแล้วกัน”
“ผมเองก็เป็นเด็กปั๊มด้วย ตอนนั้นผมไม่ทราบเลยครับว่าได้เท่าไหร่ แต่วันนั้นผมได้ประมาณ 10-20 บาทต่อวัน ก็โอเคแล้วสำหรับเด็ก ก็พยายามช่วยคุณแม่ให้มากที่สุด ดูแลน้องสาวให้ดีที่สุด แล้วก็ตั้งปฏิญาณกับตัวเองว่า เราจะไม่กลับมาเป็นแบบนี้แล้วนะ ผมจะทำให้คุณพ่อ คุณแม่สบายให้มากที่สุด พูดกับตัวเองมาตลอดเลยตอนนั้น เมื่อก่อนด้วยความที่เราเด็กเราหิว แล้วคุณแม่ไม่ได้อยู่บ้านด้วย เมื่อก่อนข้าวกับซอสผมก็อร่อยแล้วนะ ข้าวกับแตงโมผมก็ยังอร่อยเลย ด้วยความที่คุณแม่ออกไปทำงานด้วย เราก็ไม่ได้ทำกับข้าว ทำอะไรเป็น ก็พยายามต่อชีวิตตัวเอง ณ เวลานั้น ข้าวซอสก็อร่อยแล้ว พอเห็นครอบครัวลำบากเลยตั้งใจเรียน เพราะไม่อยากกลับมาลำบากแบบนี้ ตัวน้องสาวเขตด้วยบ้านที่เป็นแบบนี้ เราตั้งใจเรียนกันโดยอัตโนมัติ เพราะว่าคุณแม่จะเคี้ยวเรื่องเรียนมาก เพราะว่าด้วยความที่คุณพ่อเป็นคุณครูอยู่แล้วก็จะโดนความเคี้ยวมาตั้งแต่เด็กๆ เรื่องการเรียนจะไม่มีตกบกพร่องเลย ตั้งแต่ ป.1-ป.6 ก็คือจะอยู่ที่ 1, 2, 3 ไม่เกินนี้”
เขต เล่าต่อว่า “เรื่องหลงไปเกเรตอนนั้น ม.ต้นครับ มาเรียนอยู่ที่นครสวรรค์ ผมสอบเข้าได้ เมื่อก่อนเป็นโรงเรียนชายล้วน แต่ตอนนี้เขาปรับเป็นโรงเรียนสหแล้ว ตอนนั้นผมอยู่หอคนเดียวตั้งแต่ ม.1 เลยครับ โดนส่งมาให้ใช้ชีวิตตั้งแต่ ม.1 เลย พอ ม.4 เข้ามากรุงเทพฯ มาโรงเรียนเทพศิรินทร์ร่มเกล้า ก็มีเรื่องมีราวนิดหน่อย จริงๆ เพื่อนทุกคนน่ารักนะ แต่ด้วยความที่ผมอาจจะไม่เจอสังคมในกรุงเทพฯ ก็เลยอาจจะไม่เข้าใจกระบวนการของพวกเพื่อนๆ อยู่ผิดที่ผิดทางนิดนึงครับ ผมเป็นคนตัวเล็กก็พยายามตามแก๊งเพื่อนๆ เพื่อนๆ ไปมีเรื่องชกต่อยเราก็จะตามๆ แบบเป็นแก๊ง โดดเรียนบ้าง ตอนนั้นสนุกสนาน เราไม่คิดว่าอยากมาทำงานอะไร กำลังหลงแสงสี เพื่อนใหม่ๆ ช่วงนั้นหัวเรี่ยวหัวต่อเลย พอเหมือนมีเรื่องเยอะ เข้าห้องปกครองเยอะ คุณพ่อจับย้ายครับ มาสตรีวิทย์ 2 ตอน ม.5 อาทิตย์แรกโดนลากไปต่อยเลยครับ ด้วยความที่เมื่อก่อนเราแอบไว้ผมยาว ตอนนั้นเริ่มมีโมเดลลิ่ง เริ่มทำงานบ้าง”
“เรื่องโดดมาเป็นนักแสดงอิสระ พอเราทำงานมาได้สักระยะนึง อยู่กับทางช่องมาเกือบ 8 ปีได้ ก็เจอทุกบทบาท ทุกการแสดง เราได้ลองทำมาเกือบหมดแล้ว วันแรกที่คิดว่าจะออกหรือไม่ออกเนี่ยเครียดมากๆ ได้ปรึกษาพี่ๆ หลายคน ถ้าผมออกมาจะเป็นแบบไหน เพราะว่าผมมาไล่ๆ กับพวกพี่เขา กลัวออกมาแล้วไม่มีอะไรทำ กลัวไม่รู้ว่าจะต้องไปซ้าย ไปขวา กลัวไม่รู้ว่าจะต้องเริ่มต้นกับใครก่อน เพราะว่าเราอยู่บ้านหลังนี้มาตลอด ก็ต้องขอบคุณบ้านหลังนี้ที่สร้างเรามาเป็นเขต ธาราเขต ได้ สุดท้ายก็ตัดสินใจเราจะเดินหน้ามันไม่ได้อยู่ที่ขา มันอยู่ที่ใจเรา เราเลยไม่ต่อสัญญา วันนั้นก็เคว้งเลย แล้วก็หายไปเลยเกือบปีครึ่ง สองปี”
“ตอนนั้นเขาก็ไม่ได้ยื้อนะครับ เพราะว่าเราได้คุยกับเขาจบด้วยกันโอเค เราบอกเลยว่าเขามองเราแบบไหน มองเราในทิศทางไหน เพราะว่าผมโตแล้วนะครับ ผมต้องวางเป้าหมายชีวิตแล้วว่าผมต้องทำอะไรต่อหลังจากนี้ เราได้วางแผนการใช้เงิน การใช้ชีวิตว่าโอเค ฉันละเล่นละครเท่านี้ๆ นะ หรือต้องทำอะไรบ้าง เขาก็อาจจะยังไม่มีเป้าหมายที่แน่ชัดให้เรา เราก็เลยรู้สึกโอเค งั้นเราออกไปท่องโลกดีกว่า แต่ประเด็นไม่ได้รับบทพระเอกเลย ผมเคารพในการตัดสินใจของผู้ใหญ่ทุกครั้ง เพราะว่าการที่เขาเลือก 1 ตัวละครมาให้เรา ผมคิดว่าเขาคิดดีแล้ว แล้วผมก็ได้ทำหน้าที่ของสิ่งเหล่านั้น ไม่ว่าจะเป็นการแสดงต่างๆ ถ้าใครได้ติดตาม ไม่ว่าจะเป็นบทอะไรก็ตาม เขตทุ่มเทกับมันแบบ 100% เขตเป็นคนที่รักการแสดงมาก และทุกครั้งที่แสดง เขตทำการบ้านค่อนข้างเยอะ พอเมื่อก่อนเราผิดพลาดเยอะ เรารู้สึกว่าต้องทำการบ้านเยอะขึ้น ผมเลยปรับแนวคิดตัวเองใหม่ทุกตัวละครมีความสำคัญหมด ทำยังไงก็ได้ให้เขาสนใจเรา”