นายภูสิต รัตนกุล เสรีเริงฤทธิ์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) เปิดเผยว่า สนค. ได้ทำการศึกษาโอกาสทางเศรษฐกิจในมณฑลไห่หนาน ซึ่งได้ลงนามความร่วมมือทางการค้าไทย–ไห่หนาน หรือมินิ เอฟทีเอ ไปเมื่อเดือนส.ค.64 ว่า ไห่หนานถือเป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษแห่งใหม่ที่มีโอกาสในธุรกิจท่องเที่ยวเชิงสุขภาพของไทย เพราะรัฐบาลจีนประกาศนโยบายมุ่งเปิดเสรีและอำนวยความสะดวก ด้านการค้าและการลงทุน ในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว อุตสาหกรรมเทคโนโลยีระดับสูง และอุตสาหกรรมบริการสมัยใหม่ โดยเฉพาะอุตสาหกรรมทางการแพทย์และยา และยังพัฒนาสิ่งก่อสร้างด้านสาธารณูปโภคและที่อยู่อาศัยจำนวนมาก อาทิ โรงแรม ร้านอาหาร สนามกอล์ฟ
“เมืองโป๋อ๋าว อยู่ในระยะเริ่มต้น จึงยังคงขาดแคลนทั้งจำนวนของสถานพยาบาลระดับสูง อุปกรณ์การแพทย์ เทคโนโลยี รวมถึงประสบการณ์ในการบริหารจัดการ ทำให้หน่วยงานสถานพยาบาลในไห่หนานจำเป็นต้องหาความร่วมมือจากรอบด้าน โดยจีนได้ประกาศให้สถาบันทางการแพทย์จำกัดการลงทุนให้อยู่เพียงรูปแบบการร่วมหุ้นหรือความร่วมมือเท่านั้น จึงเป็นโอกาสสำหรับไทยที่จะเข้าไปร่วมมือ โดยไทยมีโรงพยาบาลที่ได้มาตรฐานกว่า 64 แห่งทั่วประเทศ ที่เพียบพร้อมด้วยประสบการณ์และการจัดการที่มีประสิทธิภาพ ซึ่งนับได้ว่าเป็นโอกาสที่จะทำข้อตกลงความร่วมมือในการลงทุนในพื้นที่ไห่หนาน”
นอกจากนี้ ยังพบว่าไทยมีโอกาสในธุรกิจภาคบริการการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ โดยสามารถขยายตลาดการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ รวมถึงสินค้าและบริการด้านสุขภาพ ผ่านความร่วมมือเชิงการแพทย์ และความร่วมมือด้านทัวร์เรือสำราญ โดยครอบคลุมธุรกิจ อาทิ การรักษาพยาบาล ศัลยกรรมความงาม อาหารเพื่อสุขภาพ ร้านอาหาร สปา ผลิตภัณฑ์ด้านความงาม อาทิ เครื่องสำอาง ผลิตภัณฑ์สมุนไพรไทย ซึ่งเป็นธุรกิจที่เอสเอ็มอีไทยมีศักยภาพและชาวจีนนิยมเลือกไทย
ขณะเดียวกัน มีโอกาสที่จะพัฒนาความร่วมมือและส่งเสริมการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว อาทิ ขยายความร่วมมือและพัฒนาเส้นทางเดินเรือยอชท์ เรือสำราญ ขยายท่าเรือน้ำลึกให้สามารถรองรับเรือสำราญให้มากขึ้นตามนโยบายผลักดันให้ จ.ภูเก็ต เป็นมารีน่าฮับ เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวและส่งเสริมการลงทุน และมีโอกาสสร้างการจ้างงานสำหรับคนไทยที่ต้องการไปทำงานภาคบริการในจีน โดยมณฑลไห่หนานได้ประกาศรับสมัครผู้มีความรู้ความสามารถเกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมการบริการยุคใหม่ การท่องเที่ยว และเทคโนโลยีขั้นสูงจากทั่วโลก