“ซีเค พาวเวอร์” หนึ่งในผู้นำการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาค ที่มีคาร์บอนฟุตพรินต์ตํ่าที่สุดรายหนึ่ง เป็นองค์กรที่ประกาศเดินหน้าดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน ด้วย 3 กรอบใหญ่ เริ่มจาก กรอบแรก การทำโรงไฟฟ้าสะอาด ทั้งในด้านการจัดการด้านพลังงาน และการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ตั้งเป้าหมายปี 86 มุ่งสู่ความเป็นองค์กรที่ใช้พลังงานหมุนเวียน

เริ่มจากภายในปี 67 จะเพิ่มสัดส่วนการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุน เวียนให้ได้มากกว่า 95% จากปัจจุบันอยู่ที่ 89% เช่น พลังงานนํ้า พลังงานแสงอาทิตย์ และพลังงานลม และการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ในปี 93 รวมทั้งการสร้างความหลากหลายทางชีวภาพ ซึ่งจะประเมินผลกระทบคงเหลือจากการปฏิบัติงานของทุกโรงไฟฟ้า 100% ภายในปี 68 และต้องไม่มีการสูญเสียความหลากหลายทางชีวภาพ และบริการจากระบบนิเวศสุทธิเป็นศูนย์ในปี 83

กรอบต่อมา ต้องเป็นเพื่อนบ้านที่ดีในการดำเนินธุรกิจ โดยเฉพาะการดูแลชุมชน และสังคม จะไม่มีกรณีการร้องเรียนที่ไม่ถูกจัดการ รวมทั้งต้องสร้างคุณค่าให้กับสังคม ซึ่งโครงการที่ประสบความสำเร็จอย่างเห็นได้ชัด เช่น โครงการหิ่งห้อยซีเค พาวเวอร์ ได้ดำเนินและระบบนิเวศด้วยการผลิตพลังงานหมุนเวียนในปี 69 และต้องสร้างการเคารพสิทธิมนุษยชน โดยจะสร้างความตระหนักรู้ด้านสิทธิมนุษยชนให้กับพนักงาน รวมทั้งไม่มีการละเมิดสิทธิมนุษยชน

กรอบสุดท้าย ต้องสร้างพันธมิตรที่ยั่งยืน ใช้ความยืดหยุ่นในการดำเนินธุรกิจ ขยายธุรกิจไปยังกลุ่มลูกค้าใหม่ และเพิ่มพื้นที่ยุทธศาสตร์ในการดำเนินธุรกิจใหม่ในภูมิภาคอาเซียน และประยุกต์เทคโนโลยีดิจิทัล และนวัตกรรมใหม่ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงาน

แนวทางการมุ่งสู่การเป็นองค์กรที่มีการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ภายในปี 93 เดินตามกลยุทธ์ด้านจัดการพลังงาน และการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ โดยซีเค พาวเวอร์ ได้จัดทำกลยุทธ์ด้านจัดการพลังงาน และการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ผ่านกระบวนการประเมินตามมาตรฐานสากล และแนวปฏิบัติการเปิดเผยข้อมูลทางการเงินเกี่ยวกับสภาพภูมิอากาศ นำมาซึ่งผลการประเมินความเสี่ยงและโอกาสในการกำกับดูแลวางกลยุทธ์ และจัดทำแผนงานด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ เพื่อกำหนดเป้าหมายและแนวทางในการรับมือต่อสถานการณ์การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศต่อเนื่อง

นอกจากนี้ ได้เดินหน้าโครงการลดการใช้พลังงาน และลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ซีเค พาวเวอร์ ได้จัดทำโครงการลดการใช้พลังงาน และการปล่อยก๊าซเรือนกระจก รวมถึง 11 โครงการ เน้นลดการสูญเสียพลังงานโดยรวมของโรงไฟฟ้า และเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานให้เกิดประโยชน์สูงสุด พร้อมทั้งสร้างจิตสำนึกให้กับพนักงานด้านการลดการใช้พลังงานและคาร์บอนฟุตพรินต์ ทั้งในกระบวนการผลิตและตามมาตรฐานการจัดการพลังงาน ISO 50001: 2018

ตัวอย่างที่เห็นได้ชัด ที่เป็นหนึ่งในโครงการสร้างความภูมิใจของคนไทย คือ “โรงไฟฟ้าพลังนํ้าไซยะบุรี” ของบริษัท ไซยะบุรี พาวเวอร์ เครือ บมจ.ซีเค พาวเวอร์ ได้รับรางวัลการันตีหลากหลาย โดยเฉพาะในด้านความยั่งยืน และสิ่งแวดล้อม ตั้งอยู่ที่แขวงไซยะบุรี สปป.ลาว มูลค่าโครงการกว่า 1.35 แสนล้านบาท ได้สัมปทานจากรัฐบาล สปป.ลาว 31 ปี ใช้เทคโนโลยีโรงไฟฟ้าพลังนํ้าแบบไหลผ่าน เป็นการสร้างเขื่อนทดนํ้าบนแม่นํ้าโขง

โรงไฟฟ้าพลังน้ำ ไซยะบุรี | CKPower (CKP)

มีกำลังการผลิตไฟฟ้าทั้งสิ้น 1,285 เมกะวัตต์ ส่งป้อนขายสร้างความมั่นคงทางด้านพลังงานให้กับประเทศไทย ผ่านการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) สัดส่วน 95% ในอัตราค่าไฟฟ้าเฉลี่ยเพียงหน่วยละ 2.16 บาทตลอด 31 ปี ที่เหลือ 5% ป้อนให้กับรัฐวิสาหกิจลาว การสร้างยึดหลักแนวทางปฏิบัติพีดีจี 2009 ของคณะกรรมาธิการแม่นํ้าโขง (MRC) จนทำให้ MRC ได้ปรับปรุงหลักแนวทางปฏิบัติในการสร้างเขื่อนในแม่นํ้าโขง PDG 2009 ให้ใช้สเปกใหม่ลักษณะเดียวกับโครงการโรงไฟฟ้าพลังนํ้าไซยะบุรี กลายเป็นต้นแบบใหม่ของโครงการโรงไฟฟ้าพลังนํ้าบนแม่นํ้าโขง ที่รัฐบาลลาวมักจะหยิบยกขึ้นมาเป็นตัวอย่างเสมอ

สำหรับการสร้างโรงไฟฟ้าพลังนํ้าไซยะบุรี มีจุดเด่นในการลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม เช่น ระบบทางปลาผ่าน เริ่มศึกษาเชิงลึกต่อวงจรชีวิตของปลา และพฤติกรรมการอพยพของปลาในแม่นํ้าโขง โดยร่วมมือกับผู้เชี่ยวชาญจากสถาบันการศึกษาออสเตรเลีย และศูนย์ค้นคว้าและวิจัยทรัพยากรสัตว์นํ้า สปป.ลาว พัฒนาการจับสัญญาณตรวจติดตามการอพยพของปลาตลอด 24 ชั่วโมง ซึ่งตอนนี้มีปลาสามารถอพยพผ่านไปเหนือนํ้าได้อย่างปลอดภัยมากกว่า 121 สายพันธุ์ และเชื่อว่าในอนาคตอาจมีเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง

ที่นี่ยังเป็นโรงไฟฟ้าแห่งแรกที่ได้ออกแบบประตูระบายตะกอนให้กดระดับลงไปเท่ากับระดับท้องนํ้า ให้มั่นใจว่า ตะกอนทั้งขนาดเล็กและขนาดใหญ่สามารถไหลผ่านโรงไฟฟ้าไปยังท้ายนํ้าได้เหมือนเดิมตามธรรมชาติ และที่สำคัญยังได้มีการออกแบบและสร้างช่องทางเดินเรือสัญจร เพื่อให้การสัญจรทางเรือของชาวบ้านผ่านโรงไฟฟ้าพลังนํ้าไซยะบุรี สามารถสัญจรได้อย่างสะดวกตลอดทั้งปี

เป็นอีกหนึ่งองค์กรที่นำนวัตกรรม และเทคโนโลยีดิจิทัลมาประยุกต์ใช้ในการดูแลสิ่งแวดล้อม สร้างความมั่นคงด้านพลังงานอย่างยั่งยืน