สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงวอชิงตัน สหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 9 ก.ย. ว่า นางรอนนา แมคแดเนียล ประธานคณะกรรมมาธิการแห่งชาติของพรรครีพับลิกัน เผยแพร่แถลงการณ์ เมื่อวันพฤหัสบดีว่า ประธานาธิบดีโจ ไบเดน เคยกล่าวว่า รัฐบาลวอชิงตันไม่มีนโยบายบังคับประชาชนต้องฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 แต่ตอนนี้ผู้นำสหรัฐ "กลับกลอก" และเชื่อถือไม่ได้อีก
Joe Biden told Americans when he was elected that he would not impose vaccine mandates. He lied.
— Ronna McDaniel (@GOPChairwoman) September 10, 2021
When his decree goes into effect, the RNC will sue the administration to protect Americans and their liberties. pic.twitter.com/XinwFw4bam
ทั้งนี้ ประธานพรรครีพับลิกันยืนยันว่า เธอสนับสนุนชาวอเมริกันเข้ารับการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ให้ได้มากที่สุด "แต่ต้องเป็นไปตามความสมัครใจ" ขณะเดียวกัน ท่ามกลางสภาพเศรษฐกิจเช่นนี้ เจ้าของสถานประกอบการจำนวนมากไม่มีทรัพยากรเพียงพอ ในการจัดการตรวจคัดกรอง และจัดหาวัคซีนให้แก่พนักงานในองค์กร "ตามคำสั่งที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญ" ของไบเดนได้ ด้วยเหตุนี้ พรรครีพับลิกันจะเป็นผู้ดำเนินการตามกฎหมาย เพื่อปกป้องสิทธิและเสรีภาพของชาวอเมริกันในเรื่องนี้ เมื่อใดก็ตาม ที่คำสั่งของผู้นำสหรัฐมีผลบังคับใช้
The cluster of new policies comes as the country grapples with the highly contagious delta variant, which has sent cases surging to more than 150,000 a day and is causing more than 1,500 daily deaths. https://t.co/a0vKK7ntOl
— The Washington Post (@washingtonpost) September 9, 2021
ความเคลื่อนไหวดังกล่าวของพรรครีพับลิกัน เกิดขึ้นภายในเวลาไม่กี่ชั่วโมง หลังไบเดนประกาศว่า สถานประกอบการซึ่งมีพนักงานตั้งแต่ 100 คนขึ้นไป ต้องจัดการให้ลูกจ้างทุกคนเข้ารับการฉีดวัคซีน ส่วนผู้ที่มีเงื่อนไขด้านสุขภาพ ให้เข้ารับการตรวจคัดกรองรายสัปดาห์ ส่วนเจ้าหน้าที่รัฐคนใดซึ่งยังไม่ได้ฉีดวัคซีน ต้องจัดการตัวเองให้เสร็จภายใน 75 วัน นับตั้งแต่มีการออกคำสั่งอย่างเป็นทางการ มิเช่นนั้นอาจถูกเลิกจ้าง ยกเว้นเพียงแสดงหลักฐานยืนยัน ว่าแพ้วัคซีน หรือป่วยด้วยโรคที่ไม่สามารถรับวัคซีนได้
ขณะที่มาตรการของกระทรวงคมนาคมมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 10 ก.ย.นี้ บุคคลใดไม่สวมหน้ากากอนามัยหรือหน้ากากผ้า เมื่อเข้าสู่ระบบขนส่งสาธารณะ ต้องโทษปรับครั้งแรกระหว่าง 500-1,000 ดอลลาร์สหรัฐ ( ราว 16,335-32,670 บาท ) หากพบการกระทำผิดซ้ำ ต้องโทษปรับระหว่าง 1,000-3,000 ดอลลาร์สหรัฐ ( ราว 32,670-98,010 บาท ).
เครดิตภาพ : AP