กรณีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ได้รับคดีขบวนการนำเข้าสินค้าประเภทซากสัตว์ (สุกร) เข้ามาในราชอาณาจักร โดยมิชอบด้วยกฎหมายเป็นคดีพิเศษที่ 59/2566 รวมทั้งดีเอสไอ ได้เร่งดำเนินการสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อดำเนินคดีกับผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องในการกระทำความผิด โดยได้บูรณาการความร่วมมือกับกรมศุลกากร กรมปศุสัตว์ ทำการเปิดตู้คอนเทเนอร์ ณ สำนักงานศุลกากรท่าเรือแหลมฉบัง เพื่อตรวจสอบ และปัจจุบันดำเนินการตรวจสอบครบแล้วทั้งหมดจำนวน 161 ตู้ อีกทั้งกรมปศุสัตว์ยืนยันว่า เนื้อสุกรแช่แข็งทั้งหมดนี้เป็นสินค้าที่ไม่ผ่านการตรวจโรคตาม พ.ร.บ.โรคระบาดสัตว์ฯ จึงเป็นการนำเข้าโดยฝ่าฝืน ม.31 แห่ง พ.ร.บ.โรคระบาดสัตว์ฯ และยังเข้าข่ายเป็นความผิดฐานหลีกเลี่ยงข้อจำกัดตามมาตรา 244 แห่ง พ.ร.บ.ศุลกากรฯ เป็นผลให้เนื้อสุกรแช่แข็งดังกล่าว ถือเป็นของอันพึงริบตามมาตรา 166 ของกฎหมาย ซึ่งหากสำแดงถูกต้อง รัฐจะสามารถจัดเก็บภาษีอากรได้เป็นเงินจำนวนกว่า 460 ล้านบาท ตามที่ได้เสนอข่าวมาอย่างต่อเนื่องแล้วนั้น

สายกินหมูช็อก! แฉหมูเถื่อนทะลักนับพันตู้ จี้ตรวจสอบย้อนหลังปี 2564

เกี่ยวกับเรื่องนี้ เมื่อวันที่ 14 ก.ค. ผู้สื่อข่าว “เดลินิวส์” ได้รับรายงานความคืบหน้าทางคดีจาก ร.ต.อ.ชาญณรงค์ ทับสาร เลขานุการคณะพนักงานสอบสวน กรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) และในฐานะรองผู้อำนวยการกองเทคโนโลยีและศูนย์ข้อมูลการตรวจสอบ (กทศ.) ว่า วานนี้ (13 ก.ค.) เวลาประมาณ 13.30 น. สำนักงานศุลกากรท่าเรือแหลมฉบัง และด่านกักกันสัตว์ชลบุรี ได้มีการเชิญผู้แทนสายเรือร่วมประชุมหารือ ประเด็นการดำเนินการเกี่ยวกับตู้สินค้าซากสัตว์ประเภทสุกร ตกค้าง 161 ตู้ สรุปได้ดังนี้ 1.กรมศุลกากร กรมปศุสัตว์ และดีเอสไอ ได้ร่วมกันตรวจสอบตู้คอนเทเนอร์บรรจุเนื้อสุกรแช่เเข็ง 161 ตู้ ตามที่ได้ร้องทุกข์ กล่าวโทษเสร็จสิ้นแล้ว 2.ผู้แทนสายเรือหลายแห่ง จากทั้งหมด 17 สายเรือ ได้แจ้งความประสงค์จะสนับสนุนออกค่าใช้จ่ายในการขนส่งและทำลายซากสัตว์ 123 ตู้ และคาดว่าในระหว่างหลังจากนี้ อาจมีเพิ่มจนครบทั้ง 161 ตู้ อย่างไรก็ตาม บริษัทสายเรือรายอื่นๆ ยังอยู่ระหว่างการดำเนินการขออนุมัติจากบริษัทฯ และ 3.กรมปศุสัตว์ ได้แจ้งว่าจะใช้พื้นที่ทำลายฝังกลบซากสัตว์ โดยจะเป็นพื้นที่ทหารในเขตอำเภออรัญประเทศ จังหวัดสระแก้ว โดยจะนำข้อมูลเสนอเข้าคณะทำงานของกรมปศุสัตว์ และเร่งรัดในการทยอยทำลายครบทั้ง 161 ตู้ ให้เสร็จสิ้นภายในช่วงปลายเดือนกรกฎาคม เพราะขณะนี้หมูเริ่มทยอยเน่าจำนวนมากขึ้นแล้ว ส่งกลิ่นเหม็นเน่าเป็นอย่างมาก

ร.ต.อ.ชาญณรงค์ เผยอีกว่า สำหรับการทำลายฝังกลบเนื้อหมูเถื่อนเหล่านี้ในเขตพื้นที่ทหาร อำเภออรัญประเทศ เบื้องต้นทางกรมปศุสัตว์ได้มีการประสานไปยังเจ้าหน้าที่ชุดตรวจเก็บกู้วัตถุระเบิด วัตถุต้องสงสัย หรือ EOD เพื่อให้เข้าตรวจสอบความพร้อมและปลอดภัยของสถานที่ดังกล่าว เนื่องจากเป็นพื้นที่แนวชายแดน ส่วนเรื่องงบประมาณในการใช้ทำลายฝังกลบ เดิมทีมีการประเมินกันไว้ว่าจะอยู่ที่ประมาณ 12 ล้านบาท แต่เนื่องด้วยมีการประเมินร่วมกันใหม่อีกครั้ง คาดว่าค่าใช้จ่ายจะถูกลงเหลือเพียงไม่เกิน 10 ล้านบาท (ในกรณีเป็นการทำลายฝังกลบพร้อมกันหมดทีเดียว) โดยเรามีจุดมุ่งหมายสำคัญ คือ ไม่ต้องการใช้งบประมาณของประเทศชาติ อีกทั้งยิ่งมีการทำลายของกลางไว บริษัทสายเรือก็จะได้ตู้คอนเทเนอร์กลับคืนไว ดังนั้น คาดการณ์ว่าการขนลำเลียงของกลางไปยังพื้นที่ทำลายจะใช้ระยะเวลา 3 วัน โดยขนลำเลียงครั้งละ 10 ตู้ ส่วนวันที่และเวลาในการขนย้ายของกลาง หรือขนาดพื้นที่ที่จะใช้ฝังกลบทำลาย จะเป็นหน้าที่รับผิดชอบของกรมปศุสัตว์ ที่จะประสานแจ้งกลับมายังทางดีเอสไออีกครั้ง

ร.ต.อ.ชาญณรงค์ เผยต่อว่า การขนย้ายของกลางจากท่าเรือแหลมฉบัง จ.ชลบุรี ไปยังพื้นที่เขตทหาร อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว เราจะดำเนินการในตอนกลางคืน โดยมีขบวนรถของดีเอสไอนำทางและปิดท้าย ส่วนที่เลือกลำเลียงในช่วงเวลากลางคืน เนื่องจากการจราจรที่คล่องตัว และเนื้อหมูไม่ส่งกลิ่นเหม็นเน่าสร้างความรำคาญแก่ประชาชน ทั้งนี้ ขณะนี้จึงอยู่ระหว่างรอข้อสรุปความชัดเจนเรื่องวันที่ เวลา และรายละเอียดเพิ่มเติม กับทั้งกรมปศุสัตว์ กรมศุลกากร

นอกจากนี้ คณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ ที่ 59/2566 ยังได้รับมอบสำนวนการสอบสวนคดีที่ 697/2566 ของเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.แหลมฉบัง จ.ชลบุรี นำมาเป็นส่วนหนึ่งของพยานหลักฐานในคดีพิเศษ ก่อนพิจารณาเนื้อหาคำให้การต่างๆ ภายในสำนวน เพื่อใช้ดำเนินการในการออกหมายเรียกพยาน หรือหมายเรียกผู้ต้องหาแก่บุคคลที่เกี่ยวข้องต่อไป.