“เพชรจีจ้า ลูกเจ้าพ่อโรงต้ม” นักชกสาวแกร่งวัย 21 ปี จากชลบุรี อยู่ในกระแสฟีเวอร์ของแฟนมวยทันที หลังกลายเป็นนักชกหญิงคนแรกจากเวที ONE ลุมพินี ที่ได้รับการการันตีฝีมือจากบิ๊กบอส “ชาตรี ศิษย์ยอดธง” ว่าคือของจริง ได้เซ็นสัญญามูลค่า 3.5 ล้านบาท ไปลุยศึกใหญ่ วัน แชมเปียนชิพ แล้วเรียบร้อย  

เพชรจีจ้า vs อิเนส (12 พ.ค. 66)

เจ้าของฉายา “เดอะ ควีน” ใช้เวลาเพียงแค่สองไฟต์เท่านั้นในการพิสูจน์ว่ามีดีแค่ไหน เริ่มจากเปิดตัวชนะทีเคโอยกสอง “ฟานี เปยอมวี” ในศึก ONE ลุมพินี 9 ขณะที่ล่าสุดปิดเกมเร็วยกแรก “อิเนส พิลูตติ” ได้อีกในศึก ONE ลุมพินี 16 นำมาซึ่งข่าวดีครั้งสำคัญในชีวิตที่แม้แต่ตัวเธอเองก็ยอมรับว่าตั้งตัวแทบไม่ทัน

โดยแฟนมวยชาวไทยจะได้ตามเชียร์ “เพชรจีจ้า” ในการปรากฏตัวครั้งแรกบนเวที ONE อย่างเป็นทางการ วัดฝีมือกับ “ลารา เฟอร์นานเดซ” คู่ปรับจากสเปน ในกติกามวยไทย รุ่นอะตอมเวต (105-115 ป.) ในศึก ONE Fight Night 12 ที่จะถ่ายทอดสดช่วงไพรม์อเมริกาซึ่งตรงกับช่วงเช้าเวลา 07.00 น. ของวันเสาร์ที่ 15 ก.ค. 66 ก่อนที่เธอจะได้เฉิดฉายบนเวทีระดับโลก เราขออาสาพาไปรู้จักชีวิตของเธอให้มากขึ้น

#เก่งแต่เด็กหาคู่แข่งชกด้วยยาก

เพชรจีจ้าในวัยเด็ก

“เพชรจีจ้า ลูกเจ้าพ่อโรงต้ม” หรือ “น้องนิล” นิลดา มีคุณ เกิดเมื่อวันที่ 31 ธ.ค. 2544 ที่จังหวัดชลบุรี เริ่มชกมวยตอนอายุ 6 ขวบ โดยมีคุณพ่อซึ่งเป็นเจ้าของค่ายมวยอ.มีคุณ เป็นครูคนแรกที่ฝึกสอนวิชาให้ จากนั้นชื่อของเธอกลายเป็นที่รู้จักอย่างรวดเร็วในฐานะเด็กผู้หญิงที่เอาชนะเด็กผู้ชายได้ เมื่ออายุ 10 ขวบ เธอขึ้นชกมากกว่า 100 ไฟต์ โดยมากกว่า 70 ไฟต์ เป็นการเจอกับเพศตรงข้าม 

ส่วนชื่อในวงการ จากเดิมเคยใช้อยู่หลายชื่อ จาก “เพชรสีนิล” ในช่วงวัยเด็ก จนเปลี่ยนมาเป็น “เพชรชีต้า” แต่บรรดาเซียนมวยต่างขานนามว่า “เพชรจีจ้า” ตามชื่อนักแสดงหญิงคิวบู๊คนดังในสมัยนั้น ส่วนตัวเธอก็ชอบชื่อนี้อยู่เหมือนกันจึงใช้ชื่อนี้จนถึงปัจจุบัน 

ในปี 2556 ขณะที่ “เพชรจีจ้า” อายุได้ 12 ปี ได้เกิดจุดเปลี่ยนสำคัญขึ้น เมื่อการกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) มองว่าการชกแบบข้ามเพศถือว่าไม่เหมาะสมและผิดกฏหมาย ยิ่งทำให้เธอหาคู่ชกยากขึ้นไปอีก ก่อนได้รับโอกาสจาก “สมชาย พูลสวัสดิ์” อุปนายกสมาคมมวยสากลสมัครเล่นแห่งประเทศไทย ณ ขณะนั้น ได้ชักชวนให้ไปฝึกฝนมวยสากลสมัครเล่นซึ่งเหมือนเป็นการเปิดโลกใหม่อีกใบ 

#มวยสากลสมัครเล่นดีกรีทีมชาติ

เพชรจีจ้ารับใช้ทีมชาติไทย

ในตอนแรก “เพชรจีจ้า” ตอบรับโอกาสมาชกมวยสากลสมัครเล่นเพราะคิดว่าอยากลองดูเท่านั้น อีกทั้งพอได้ขึ้นไปบนเวทีจริงก็ไม่ค่อยมั่นใจในตัวเองเท่าไหร่ เพราะทักษะพื้นฐานด้านนี้ยังมีไม่ค่อยมาก ทำให้ต้องขยันเรียนรู้จากรุ่นพี่ให้ไว ต้องมีทั้งสเต็ปและความเร็วที่มากขึ้น สุดท้ายด้วยทั้งพรสวรรค์และพรแสวงทำให้เธอใช้เวลาปรับตัวไม่นานนัก เดินหน้ากวาดรางวัลเกียรติยศให้กับประเทศชาติมาไม่น้อย

เริ่มจากในปี 2561 คว้าเหรียญเงินมาครองได้ทั้งในรายการชิงแชมป์เยาวชนเอเชียและชิงแชมป์เยาวชนโลก ในรุ่น 48 กก. จากนั้นในปีถัดมายังมีตระเวนไปแข่งทั้งที่สวีเดนและบัลแกเรีย ได้เหรียญทองในรุ่น 48 กก. มาครองสามรายการติดต่อกัน แต่สุดท้ายทนคิดถึงมวยไทยไม่ไหวเพราะรู้สึกถนัดและยังทำให้ตัวเองมีชื่อเสียงมากกว่า แต่ก็ยอมรับว่าการได้ก้าวขึ้นมาติดทีมชาติคือประสบการณ์สุดล้ำค่า

#มวยไทยที่คิดถึง

เพชรจีจ้าคว้าถ้วยพระราชทานฯ

“เพชรจีจ้า” ผูกพันกับกีฬามวยไทยอย่างเหนียวแน่น ย้อนไปในวัยเด็กก็เป็นคุณพ่อของเธอที่ซื้อแผ่นซีดีไฮไลต์มวยไทยมาให้ดูเป็นประจำ โดยมี “สามารถ พยัคฆ์อรุณ” อดีตนักมวยไทยชื่อดัง เป็นต้นแบบที่ชื่นชอบ เรียกได้ว่าชีวิตของเธอตัดไม่ขาดจากศาสตร์มวยไทย

จนกระทั่งช่วงปลายปี 2563 “เพชรจีจ้า” ได้หวนกลับมาชกมวยไทยในรอบ 4 ปีในรายการไทยไฟต์ โชว์ผลงานดุดันชนะไปทั้งสิ้น 7 ไฟต์ติดต่อกัน ทำให้ได้รับถ้วยรางวัลชนะเลิศถ้วยพระราชทานในสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี รุ่น 51 กก. ก่อนที่ในปี 2564 จะส่งท้ายการเล่นให้ทีมชาติมวยสากลสมัครเล่นลงแข่งในกีฬาซีเกมส์ที่เวียดนามเป็นทัวร์นาเมนต์สุดท้าย โดยได้เหรียญทองแดงกลับมา ฝากความทรงจำในการรับใช้ชาติได้แบบน่าประทับใจ

#ONE ลุมพินี เวทีในฝัน

เพชรจีจ้าใน ONE ลุมพินี 

“เพชรจีจ้า” ทำตามเสียงหัวใจเรียกร้องอยากชกมวยไทยมาตลอดและตอนนี้ก็ได้เลือกในสิ่งที่อยากเลือกแล้ว และการได้มาโชว์ผลงานใน ONE ลุมพินี คือหนึ่งในความฝันที่เจ้าตัวรอมานาน

“ปกติเวลาขึ้นชกหนูตื่นเต้นเป็นประจำ ยิ่งได้มาชกในศึก ONE ลุมพินี ยิ่งตื่นเต้นเพราะเป็นเวทีใหญ่ ไม่คาดคิดมาก่อนว่าจะได้ชกในรายการนี้ แต่ตอนนี้ทางรายการสนับสนุนผู้หญิงเพิ่มมากขึ้น ในใจนึกตลอดว่าอยากทำผลงานออกมาให้ดีที่สุด อยากให้แฟนมวยชื่นชมและประทับใจ”

“ได้ชกไปสองไฟต์ หนูชอบผลงานในไฟต์ที่สองมากกว่า เพราะรู้สึกเริ่มเข้าที่และคล่องตัวมากขึ้น เพราะไฟต์แรกห่างจากเวทีมวยไทยไปนานด้วย เลยมีความกังวลอยู่เยอะยังออกอาวุธไม่ค่อยดี พอมาไฟต์สองมีการฝึกซ้อมมากขึ้นกว่าไฟต์แรก คิดแล้วทำออกมาได้มากกว่าไฟต์แรก”

#เป้าหมายคือแชมป์โลก ONE

วินาทีเพชรจีจ้ารู้ว่าได้ไปลุย ONE

“เพชรจีจ้า” พร้อมพัฒนาฝีมือของตัวเองให้ดีขึ้นเพื่อคู่ควรกับการได้สิทธิไปลุย วัน แชมเปียนชิพ ขอแสดงให้ทุกคนเห็นว่านักมวยหญิงจากไทยมีดีไม่แพ้ใคร พร้อมวางเป้าใหญ่หยิบเข็มขัดแชมป์โลก ONE มาครองให้ได้

“ตอนทราบเรื่องนี้บนเวทีมันอึ้งไปหมด หนูไม่รู้มาก่อนว่าจะได้เซ็นสัญญาเข้า วัน แชมเปียนชิพ รู้สึกดีใจที่ได้เข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของรายการระดับโลก เปิดโอกาสให้ได้เข้าไปโชว์ศิลปะแม่ไม้มวยไทย พร้อมแสดงให้เห็นว่านักชกจากไทยสู้ได้ดีไม่แพ้ชาติใดในโลก หนูอยากครองแชมป์มวยไทย ในรุ่น 115 ป. อยากเป็นอันดับหนึ่งในรุ่นนี้ให้ได้ค่ะ”

เตรียมตัวส่งใจเชียร์ “เพชรจีจ้า” ประเดิมล่าตามความฝันให้สำเร็จในการเจอกับ “ลารา” โดยทั้งสองต่างหวังพิสูจน์ฝีมือของตัวเองเต็มที่ เพื่อไต่ขึ้นรั้งตำแหน่งจ่าฝูงของแรงกิง ONE มวยไทย รุ่นอะตอมเวต และคว้าโอกาสชิงบัลลังก์ซึ่งมี “อัลลิเซีย เฮลเลน รอดริเกส” นั่งครองอยู่ให้ได้

แฟน ๆ สามารถจองบัตรเข้าชมในสนามศึก ONE Fight Night 12 ผ่านทาง THAI TICKET MAJOR และติดตามข่าวสารและความคืบหน้าของศึกนี้ได้ที่นี่และโซเชียลมีเดียของ ONE ทุกช่องทาง ได้แก่ เฟซบุ๊ก ONE Championship Thailand เว็บไซต์ www.onefc.com และอินสตาแกรม ONEChampTh