เมื่อวันที่ 3 ก.ค. ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายชวน หลีกภัย ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ และอดีตประธานสภาผู้แทนราษฎร ให้สัมภาษณ์ถึงที่พรรคเพื่อไทยจะเสนอชื่อ นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ส.ส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคประชาชาติ ชิงตำแหน่งประธานสภาผู้แทนราษฎรว่า ขึ้นอยู่กับข้อตกลงของพรรคร่วมรัฐบาล ซึ่งเป็นฝ่ายเสียงข้างมาก สามารถตัดสินใจเองได้ ว่าใครควรจะเป็นประธานสภา ทั้งนี้ตัวนายวันมูหะมัดนอร์ ​เป็นผู้มีประสบการณ์ มีความสามารถ และเคยเป็นประธานสภามาแล้ว ซึ่งขณะนั้นก็ได้ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความเป็นกลาง และบริหารงานได้เป็นอย่างดี ทั้งนี้ตนเคยร่วมงานกับท่าน สมัยที่ตนเป็นผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร และตอนที่ตนเป็นนายกรัฐมนตรี

เมื่อถามว่าทางออกนี้จะช่วยระงับความขัดแย้งระหว่างพรรคที่กำลังร่วมจัดตั้งรัฐบาลในขณะนี้ได้หรือไม่ นายชวน กล่าวว่า ตนไม่อยากไปวิจารณ์หรือไปให้ความเห็นในเรื่องนี้ ขึ้นอยู่กับการหารือของพรรคร่วมจัดตั้งรัฐบาล อย่างไรก็ตาม ตนเห็นว่ากรณีที่ความคิดเห็นระหว่างพรรคที่ได้คะนนเสียงมาเป็นอันดับหนึ่ง กับพรรคที่ได้มาเป็นอันดับ 2 มาอยู่ฝ่ายเดียวกัน ไม่ค่อยเกิดขี้นบ่อยหนัก เพราะในอดีต พรรคอันดับหนึ่งกับพรรคอันดับสอง จะอยู่คนละฝ่าย จึงไม่มีการมาเถียงกันว่าใครจะได้เป็นประธานสภา และใครเป็นนายกฯ เพราะในที่สุด พรรคที่ได้คะแนนมากก็จะได้เป็นนายกฯ และประธานสภา แต่ในครั้งนี้พรรคที่ได้อันดับหนึ่งกับพรรคที่ได้อันดับสอง มีคะแนนห่างกันแค่ 10 เสียง พรรคที่ได้อันดับ 1 ก็อยากได้ตำแหน่งประธานสภา ขณะที่พรรคอันดับ 2 ก็คิดว่าพรรคอันดับ 1 ถ้าได้ทั้งตำแหน่งนายกฯ และประธานสภา จะถือว่ามากเกินไปหรือไม่ เขาจึงมีข้อเสนอดังกล่าวออกมา ซึ่งตนมองว่าข้อเสนอดังกล่าวไม่ใช่เรื่องแปลกในกรณีเช่นนี้

“ทีแรก ผมคิดว่าทั้ง 2 พรรคตกลงกันได้แล้ว แต่วันนี้กลับมาข่าวใหม่ จึงคิดว่ามันก็ยังไม่แน่นอน และไม่แน่ใจว่าจะได้ข้อยุติตอนไหน และถ้ามองในเรื่องตัวบุคคล ก็ถือว่านายวันมูหะมัดนอร์ มีความเหมาะสม” นายชวน กล่าว

ผู้สื่อข่าวถามว่าถ้านายวันมูหะมัดนอร์​ได้เป็นประธานสภาจริง นายชวนในฐานะอดีตประธานสภา มีความคาดหวังต่อสภาชุดนี้อย่างไร นายชวน กล่าวว่า ทุกคนอยากเห็นสภามีความมั่นคง ระบบนิติบัญญัติมีความเข้มแข็ง และยึดมั่นในหลักนิติธรรม รวมถึงปฏิบัติหน้าที่อย่างตรงไปตรงมาก อีกทั้งรัฐสภาต้องมีความแน่วแน่ในกระบวนการนิติบัญญัติ ซึ่งตนเชื่อมั่นว่านายวันมูหะมัดนอร์ สามารถทำสิ่งเหล่านี้ได้ หรือไม่ว่าใครที่จะเข้ามาดำรงตำแหน่งดังกล่าว ถ้ายึดหลักการเหล่านี้ก็สามารถทำได้ เพราะมีข้อบังคับสภา กำกับอยู่

นายชวน กล่าวอีกว่า ส่วนที่มีบางคนไปประเมินมา ถ้าคนของฝ่ายใดได้มาเป็นประธานสภา แล้วจะมีความได้เปรียบ เรื่องการแต่งตั้งตำแหน่งนั้น ตำแหน่งนี้ ตนคิดว่าบางเรื่องก็ไม่จริง เพราะประธานสภา มีอำนาจเฉพาะที่ถูกกำหนดภายในขอบเขตเรื่องการแต่งตั้งคนของประธาน แต่จะไปยุ่งกับการแต่งตั้งคนในฝ่ายบริหารไม่ได้ ขณะที่บางเรื่องมีกฎหมายระบุไว้เลยว่า เรื่องใดที่เสนอเข้าสู่สภาแล้ว ต้องดำเนินการส่งภายในกี่วัน อาทิ กรณีมีผู้ร้องว่ามีบุคคลขาดคุณสมบัติ ก็มีกฎหมายกำหนดว่าต้องส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาภายในกี่วัน จึงแสดงให้เห้นวส่าทุกเรื่องดำเนินการไปตามคันลอง ทั้งนี้ ตนเอาใจช่วยทุกคนที่จะมาทำหน้าที่ประธานสภา

เมื่อถามว่าถ้าเปรียบเทียบตัวบุคคลระหว่างนายวันมูหะมัดนอร์ กับนายสุชาติ ตันเจริญ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรเพื่อไทย ใครเหมาะสมกว่ากัน นายชวน กล่าวว่า คนที่เตรียมตัวมาอย่างหนัก นอกจากนายสุชาติ นั่นคือ นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน และหัวหน้าพรรคเพื่อไทย  เพราะ นพ.ชลน่าน เตรียมตัวที่จะทำหน้าที่นี้มาตลอด 4 ปีที่ผ่านมา ซึ่งตนเคยถามเจ้าตัวและคนในพรรคเพื่อไทย เขาก็บอกว่า นพ.ชลน่าน ไม่ได้ถูกวางตัวให้เป็น 1 ใน 3 รายชื่อชิงตำแหน่งนายกฯ นพ.ชลน่าน จึงเตรียมตัวเป็นประธานสภา แต่เมื่อเหตุการณ์เปลี่ยนไป ก็คงเป็นเรื่องของเหตุการณ์ อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าจะเป็นนายสุชาติ นายวันมูหะมัดนอร์ หรือ นพ.ชลน่าน คนเหล่านี้ก็ถือเป็นผู้ที่มีประสิทธิภาพ

ด้านนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และรักษาการหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่างถึงแนวทางการเลือกประธานสภา ว่า  เป็นเรื่องของ 2 พรรคใหญ่ คือพรรคก้าวไกล และพรรคเพื่อไทย เพราะ 2 พรรคนี้ถือเป็นพรรคเสียงข้างมาก และมีโอกาสได้รับเลือกอยู่แล้ว จึงขึ้นอยู่กับข้อตกลงของทั้ง 2 พรรคอยู่แล้ว ถ้าทั้ง 2 พรรคชี้ใครคนนั้น ก็จะอยู่ในฐานะมีโอกาสได้รับเลือกอยู่แล้ว รวมถึงการจัดตั้งรัฐบาลด้วย ทุกอย่างจึงขึ้นอยู่กับ 2 พรรคใหญ่ ถ้าทั้งคู่ตกลงกันได้ เชื่อว่าทุกอย่างก็จะไม่มีทางตันในการเดินหน้าจัดตั้งรัฐบาล เพราะรัฐธรรมนูญเปิดโอกาสให้ทำได้ เพราะฉะนั้นอยู่ที่ว่าจะทำหรือไม่ทำ

เมื่อถามว่ามีข่าวว่าจะมีการเสนอชื่อนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ส.ส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคประชาชาติ เป็นประธานสภา เพื่อแก้ปัญหาของทั้งสองพรรคถือเป็นทางออกที่ดีหรือไม่ นายจุรินทร์ กล่าวว่า ตนไม่ขอวิจารณ์ อยู่ที่ 2 พรรคใหญ่ จะเป็นใครคนนั้นก็จะได้รับเลือกเป็นประธานสภา เพราะเขาได้เสียงข้างมากอยู่แล้ว

นายจุรินทร์ กล่าวอีกว่า ส่วนทิศทางการโหวตของพรรคประชาธิปัตย์นั้น พรรคประชาธิปัตย์จะมีการประชุม ส.ส. กันอีกครั้งที่รัฐสภา ในวันที่ 4 ก.ค. นี้ เวลา 08.30 น. และจะพิจารณาว่าจะมีมติไปในทิศทางอย่างไร ซึ่งเป็นมติของพรรค แต่ต้องคุยกันภายในพรรคก่อน  อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้ไม่มีอะไรยาก ขอแค่ให้ชัดเจนก่อนว่า 2 พรรคใหญ่มีมติอย่างไร ซึ่งพรรคประชาธิปัตย์จะตัดสินใจอย่างไร ก็ต้องรอดูในส่วนของ 2 พรรคที่เป็นเสียงข้างมากอยู่แล้ว เสนอใครคนนั้นก็มาเป็นที่ 1

เมื่อถามว่าฟากรัฐบาลเดิม ได้มีการคุยกันหรือไม่ว่าจะเสนอใครชิงตำแหน่ง นายจุรินทร์ กล่าวว่า ไม่ได้มีการคุยกัน