เมื่อวันที่ 20 มิ.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เพจเฟซบุ๊ก “ปฏิบัติการหมาเฝ้าบ้าน” แฉว่า “เมื่อปี 59 อบจ.สตูล ได้ว่าจ้างก่อสร้างศูนย์บริการนักท่องเที่ยวในเขตพื้นที่อำเภอควนโดน พิกัดริมถนนทางหลวงหมายเลข 406 ใกล้ตลาดนัดดุสน วงเงิน 29,798,000 บาท จัดซื้อจัดจ้างด้วยวิธีพิเศษ ทำสัญญากับห้างเกียรติเจริญชัยการโยธา กำหนดแล้วเสร็จ 22 ธ.ค. 60 แต่โครงการมีความล่าช้าเป็นอย่างมาก จนถึงปี 61 ก็ยังดำเนินการไม่เสร็จ จากนั้นก็มีโครงการเพิ่มขึ้นมา เป็นการทำถนนคอนกรีตและลานจอดรถ กำแพงกันดิน กับปรับปรุงภูมิทัศน์ รอบนี้ใช้วิธีการคัดเลือก ว่าจ้างห้างเกียรติเจริญชัยการโยธา เข้าดำเนินการในวงเงิน 12,990,000 บาท

จากความล่าช้าของการก่อสร้างศูนย์บริการนักท่องเที่ยวปี 63 นายสัมฤทธิ์ เสียงประสิทธิ์ นายก อบจ.สตูล ได้ออกมาให้ข่าวว่า จะเร่งรัดดำเนินการให้เสร็จ ถึงตอนนี้ผ่านมา 6 ปี ก็ยังไม่เสร็จ สภาพอาคารมีคราบตะไคร่ขึ้น หลังคาซีด วัสดุอุปกรณ์ก่อสร้าง แผ่นฝา กระเบื้อง นั่งร้านตั้งกองอยู่บริเวณอาคาร ไม่มีวี่แววเปิดใช้ นายสัมฤทธิ์ ดำรงตำแหน่ง นายก อบจ.สตูล มาอย่างยาวนาน และเป็นที่ทราบว่า ห้างเกียรติเจริญชัยการโยธา เป็นของนายสมเกียรติ พี่ชายแท้ๆ ของนายก อบจ.สตูล”

ล่าสุด นายสัมฤทธิ์ เลียงประสิทธิ์ นายก อบจ.สตูล เปิดเผยว่า งานก่อสร้างประกอบไปด้วยงาน 3 เฟสใหญ่ๆ โดย 2 เฟสแรก เป็นงบขององค์การบริหารส่วนจังหวัดสตูล (งบจากกรม) ทั้งนี้ในการก่อสร้างในปัจจุบันนี้ เฟส 2 เป็นลานจอดรถ กับเฟส 3 Geopark Gateway (จีโอพาร์คเกตเวย์) ที่เป็นส่วนปูนปั้นสร้างนั้น สร้างเสร็จเรียบร้อย ใช้ประโยชน์แล้ว

ส่วนตัวอาคารศูนย์บริการนักท่องเที่ยวก่อสร้างไปได้ประมาณ 78.9 เปอร์เซ็นต์ ยังคงเหลืออยู่อีก 21 เปอร์เซ็นต์ ทั้งนี้ยังคงเหลือเพียงการตกแต่งภายใน ผู้รับเหมาก็นำเอาวัสดุมาวางไว้ โดยมียามเฝ้าดูแลอยู่อย่างดี ถ้าใครไปเห็นว่า จะพบว่า ไม่มีคนงานมาทำงาน มากเท่าที่ควร แต่ก็มีคนงานก่อสร้างแวะมาทำอยู่บ้าง กระทั่งจนถึงวันนี้ ตัวค่าปรับอันเนื่องมาจากงานล่าช้า ท่วมเกินวงเงินงบประมาณไปแล้ว คือ 59 ล้านบาทเศษ

ทั้งนี้ทาง องค์การบริหารส่วนจังหวัดสตูลเอง ก็ได้พยายามเร่งรัดเพื่อให้ผู้รับเหมาได้เร่งดำเนินการให้แล้วเสร็จโดยเร็ว เพราะว่า ค่าปรับเดินอยู่ทุกวัน และตอนนี้ทางองค์การบริหารจังหวัดสตูล ก็ได้ดำเนินการไปตามระเบียบอย่างเคร่งครัด และขอยืนยันว่า โครงการนี้ ไม่มีการทุจริตย่างแน่นอน ทุกอย่างได้ดำเนินการเป็นไปตามระเบียบทุกอย่าง

อย่างไรก็ตาม เพจเฟซบุ๊กดังกล่าว ยังระบุอีกว่า มีชาวเน็ตต่างเข้ากดถูกใจกว่า 3,000 คน และแสดงความคิดเห็น 300 กว่าคน และมีการแชร์ออกไปรวมกว่า 600 ครั้งแล้ว ส่งผลให้เป็นที่วิพากษ์วิจารณ์กันอย่างกว้างขวาง.