กรณีนางสุภาวดี มีแก้ว ออกมาร้องสื่อเพื่อขอความเป็นธรรม หลังน้องสาว นางสาวทิพยวรรณ มีแก้ว หรือน้องป๊อป อายุ 27 ปี มีอาการปวดท้องอย่างหนัก และได้รีบนำตัวส่งโรงพยาบาลแห่งหนึ่งในพื้นที่ จ.ระนอง ก่อนนำตัวเข้าห้องฉุกเฉิน เพื่อตรวจดูอาการ เบื้องต้นทางพยาบาลเวรแจ้งว่า น่าจะเป็นโรคกระเพาะ จึงให้นอนรอดูอาการในห้องผู้ป่วยรวม แต่อาการปวดท้องก็ไม่หาย กลับทวีความรุนแรงขึ้น แต่พยาบาลกลับไม่สนใจ และไม่มีแพทย์มาดูอาการ หลังเข้ารับการรักษา ร่วม 4 ชั่วโมง ในช่วงเช้าจึงตัดสินใจเตรียมพาน้องสาวย้ายไปรักษาต่อที่โรงพยาบาลใน จ.สุราษฎร์ธานี แต่น้องสาวทนความเจ็บปวดไม่ไหว ช็อกคารถเข็น แล้วเสียชีวิต ขณะกำลังเตรียมตัวเดินทาง ซึ่งทางครอบครัวอยากขอความเป็นธรรม และขอคำตอบจากทางโรงพยาบาลถึงเหตุที่เกิดขึ้น นั้น

อยากได้คำตอบ? สาวร้องสื่อ น้องสาวปวดท้องร้องลั่นทั้งคืน ดับคารพ.

ความคืบหน้าล่าสุด เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 15 มิ.ย. ที่ ห้องประชุมอินทนิล ชั้น 2 โรงพยาบาลระนอง นายแพทย์อรุณ สัตยาพิศาล ผู้อำนวยการโรงพยาบาลระนอง นายแพทย์กฤติน มีวุฒิสม นายแพทย์ชำนาญการพิเศษ นางกาญจนา เพชรอาวุธ พยาบาลวิชาชีพชำนาญการ และคณะแพทย์ ร่วมกันแถลงข่าวถึงเรื่องที่เกิดขึ้น

โดยนายแพทย์อรุณ เปิดเผยว่า ต้องขอแสดงความเสียใจกับครอบครัวของผู้เสียชีวิตด้วย ส่วนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้น ได้รับรายงานแล้ว อยู่ในระหว่างการตั้งคณะกรรมการตรวจสอบ แต่ในเบื้องต้นทราบว่า ผู้ป่วยเป็นโรคภูมิแพ้ตัวเอง มาที่ห้องฉุกเฉินด้วยอาการปวดท้อง ช่วงเวลา 04.30 น. ใช้เวลาในห้องฉุกเฉิน 1 ชั่วโมงครึ่ง วินิจฉัยว่าเป็นโรคกระเพาะอาหาร ลำไส้อักเสบ เพราะผู้ป่วยนอกจากเป็นโรคภูมิแพ้ตัวเอง ก็ยังมีปัญหาเรื่องไตวาย รักษาอยู่ 3 เดือน และมีอาการดีขึ้น นอกจากนั้นยังมีความดันโลหิตสูง ที่กำลังรับประทานยาความดัน

นายแพทย์อรุณ กล่าวต่อว่า เรื่องปวดท้องได้มีการฉีดยาแก้ปวด 3-4 ชนิด ที่ห้องฉุกเฉิน และได้ทำการเอกซเรย์ ก็ไม่พบอะไร รวมทั้งทำอัลตราซาวด์ เพื่อหาสาเหตุการปวดท้องว่าเกิดจากนิ่วในถุงน้ำดีหรือไม่ ก็ไม่พบว่ามีนิ่ว หลังจากชั่วโมงครึ่ง ตามหลักการที่ให้การรักษาเบื้องต้น ก็ย้ายผู้ป่วยไปยังตึกอายุรกรรมหญิง แต่ผู้ป่วยยังมีอาการปวดท้อง จึงให้ยาแก้ปวดเพิ่มเติม ในระหว่างนั้นแพทย์เตรียมที่จะนำตัวไปเอกซเรย์คอมพิวเตอร์เพื่อหาสาเหตุ แต่ทางญาติประสงค์ที่จะนำตัวไปรักษาที่ จ.สุราษฎร์ธานี แต่ในระหว่างที่ย้าย ผู้ป่วยก็มีอาการเกร็ง แล้วมีอาการหัวใจหยุดเต้น จึงนำตัวเข้าไปปั๊มหัวใจในห้องฉุกเฉิน แต่ผู้ป่วยก็เสียชีวิต จึงให้แพทย์ชันสูตร พบว่า อาการปวดท้องเกิดจากลำไส้ขาดเลือด ทำให้ปวดรุนแรง แต่สาเหตุที่เสียชีวิตจริงๆ เกิดจากเส้นเลือดใหญ่ที่ออกจากหัวใจ มีการปริและฉีกขาด เลือดจึงได้ไหลเข้าไปในเยื่อหุ้มหัวใจ ทำให้หัวใจหยุดเต้น เป็นภาวะหัวใจวาย ที่เป็นสาเหตุให้ผู้ป่วยเสียชีวิต

นายแพทย์กฤติน กล่าวว่า ในเรื่องของการพิสูจน์ศพ ก็ได้แจ้งไปทางญาติตั้งแต่วันแรก ว่าจะต้องทำการชันสูตร ซึ่งหลังจากชันสูตร ก็ได้อธิบายกับทางญาติว่า อาการปวดท้องที่เกิดขึ้น มาจากลำไส้ขาดเลือด แต่ไม่ใช่สาเหตุการตายโดยตรง สาเหตุการตายโดยตรงพบว่า เป็นภาวะที่เกิดจากหลอดเลือดที่ออกจากหัวใจปริฉีก และเลือดไปคั่งอยู่ในเยื่อหุ้มหัวใจ และมีปัจจัยของโรคต่างๆ ที่มีการชี้แจงกับทางญาติไปแล้ว และทางญาติก็เข้าใจ

นายแพทย์กฤติน กล่าวอีกว่า ส่วนกรณีคลิปที่มีการพูดตอบโต้กันระหว่างญาติของผู้เสียชีวิตกับทางพยาบาล นั้น ทางผู้อำนวยการโรงพยาบาล ชี้แจงว่า สถานการณ์ดังกล่าวที่ญาติไม่พอใจ น่าจะมีความกดดัน และมีการถ่ายภาพถ่ายวิดีโอ ซึ่งเป็นกฎระเบียบของโรงพยาบาล ก็อาจจะมีการใช้เสียงที่ดังไป เพื่อให้ญาติหยุดถ่ายภาพ หรือถ่ายวิดีโอ ซึ่งทางพยาบาลก็ได้ทำตามระเบียบ ที่เข้าใจว่าการใช้เสียงดังจะเป็นพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม ที่จะต้องขอโทษ และแสดงความเสียใจ แต่ทุกคนมีเจตนาดีเหมือนกันหมด ที่อยากให้ทุกอย่างเป็นไปด้วยดี และสงบ ส่วนประเด็นการขาดแคลนแพทย์หรือไม่นั้น ปัจจุบันก็มีสตาฟฟ์ประมาณ 40 คน และปีนี้ได้แพทย์มา 9 คน ที่อยู่ในช่วงการปรับการทำงาน ที่ยังสามารถทำงานไปได้ ทุกฝ่ายเข้ามาช่วยเหลือกัน เพื่อประคับประคอง และสามารถรักษาการบริการได้เป็นอย่างดี.