เมื่อวันที่ 5 ก.ค. ที่กระทรวงสาธารณสุข นพ.ศุภกิจ ศิริลักษณ์ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กล่าวถึงความคืบหน้าสายพันธุ์โควิด-19 ที่ระบาดในประเทศไทยขณะนี้ โดยเฉพาะสายพันธุ์เดลตา (อินเดีย) ว่า ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาตรวจสายพันธุ์ในภาพรวมประเทศพบว่าสายพันธุ์เดลตาขึ้นมาเป็น 32.2% ส่วนใหญ่ อยู่ในกทม. และจังหวัดปริมณฑล ซึ่งกทม.พบสัดส่วนเพิ่มมากถึง 52.2% มากกว่าสายพันธุ์อัลฟา (อังกฤษ)  ถือว่าเป็นการเข้ามาค่อนข้างเร็วกว่าที่คาดการณ์เล็กน้อย ในขณะที่ต่างจังหวัดก็ขึ้นค่อนข้างเร็วพบแล้ว 18% ของจำนวนผู้ติดเชื้อทั้งหมดในพื้นที่ต่างจังหวัด โดยพบใน 47 จังหวัด อย่างพื้นที่ ภาคใต้เดิมไม่มีเดลตา ล่าสุด ก็พบอยู่ในหลายจังหวัดเช่น สุราษฎร์ธานี เป็นต้น ขณะที่ภาคอีสานโดยเฉพาะจังหวัดอุดรธานีที่พบค่อนข้ามง “เชื้อเดลตาในพื้นที่กทม. 52% กระจายอยู่ในทุกเขต ทางตอนเหนือแชมป์ หลักสี่ไปทางทิศตะวันตกตอนล่างมากพอสมควรและกระจายอยู่ทั่วกรุงเทพฯ ดังนั้นค่อนข้างจะบอกได้ว่าสายพันธุ์ที่แพร่ระบาดในกรุงเทพฯ ขณะนี้คือ สายพันธุ์อินเดียหรือสายพันธุ์เดลตา” นพ.ศุภกิจ กล่าว

ส่วนสายพันธุ์เบตา (แอฟริกาใต้)  สัปดาห์นี้เพิ่มมา 50 กว่ารายแต่ยังจำกัดวงอยู่ที่จังหวัดนราธิวาสมีกระจายไปจังหวัดใกล้เคียงอยู่พอสมควรที่ สุราษฎร์ธานี มีคอนเฟิร์ม 1 นครศรีธรรมราช 3 รายกระบี่ 1 ราย ส่วนกรุงเทพฯ เพิ่มอีก 2 รายซึ่งเป็นญาติของรายแรกที่พบการติดเชื้อนี่ หมายความว่า พื้นที่กรุงเทพฯ ยังไม่ได้มีการกระจายไปไหนแต่ยังเป็นผู้ที่ติดจากรูปที่มาจากจังหวัดนราธิวาส

สำหรับวัคซีนที่มีการฉีดไปแล้วนั้นต่อสายพันธุ์ดั้งเดิมเพราะว่ากลุ่มขึ้นสูงมาก ส่วนประสิทธิภาพต่อกับการป้องกันเชื้อกลายพันธุ์อย่างไรนั้น ขณะนี้จึงวางแผนทดลอง หลายรูปแบบในกลุ่มผู้ที่ได้รับวัคซีนตามสูตรต่างๆ ทั้งซิโนแวค, แอสตราเซเนกา, ไฟเซอร์ ที่อาจจะไปรับมาจากต่างประเทศ รวมถึงการฉีดข้ามชนิด เป็นต้น.