เมื่อวันที่ 13 มิ.ย. ที่สมาพันธ์ SME ไทย นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีคลิปบันทึกการประชุมผู้ถือหุ้นไอทีวี ที่ถูกนำมาเปิดเผยว่า ตามที่ตนได้โพสต์ในโซเชียลมีเดียไปก่อนหน้านี้ว่ามีขบวนการที่จะฟื้นไอทีวีขึ้นมาก่อนที่ น.ส.ฐปณีย์ เอียดศรีไชย ผู้สื่อข่าว 3 มิติ ได้เสนอต่อประชาชน ตรงนี้ต้องตอบสั้นๆ ว่ารู้อยู่แล้ว และมีคนส่งข้อมูลเข้ามาให้เรื่อยๆ มากกว่าที่อยู่ในคลิป เห็นความแตกต่างระหว่างคนที่ทำเอกสารการประชุมกับคลิปก่อนที่จะมีการเปิดเผยต่อสาธารณชน ตอนนี้คณะทำงานกฎหมายของทางพรรคได้ข้อมูลเข้ามาเพิ่มเรื่อยๆ จากผู้ที่อาจเป็นคนที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการเหล่านี้ที่คอยส่งข้อมูลเข้ามา ในส่วนนี้อย่างที่เคยให้สัมภาษณ์ไปแล้วว่าเราคำนึงถึงฉากทัศน์ที่จะเกิดขึ้น ซึ่งมาตรา 151 ไม่ได้หลุดจากฉากทัศน์ที่เราคิดเอาไว้แล้ว เพราะเคยเกิดขึ้นกับ นายธนาธร จึงรุ่งเรือง อดีตหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่มาก่อน และอาจจะใช้วิธีใช้ ส.ส.เข้าร่วม เข้าชื่อกันส่งไปศาลรัฐธรรมนูญ หรืออาจจะออกทางศาลฎีกา ศาลอาญา

ทั้ง 3 อันนี้คิดว่าใครที่ติดตามการเมืองมาก็พอจะเดาออกว่ามันมี 3-4 ฉากทัศน์ที่มันจะเกิดขึ้นได้ แต่สิ่งที่เกิดขึ้นมาเรื่อยๆ คือมีข้อมูลส่งมาหลังไมค์มาที่พรรคมากขึ้น เกี่ยวกับความไม่ชอบมาพากลนี้ แต่เรายังไม่ฟันธงอะไร แต่ก็เก็บและตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลคลิปต่างๆ ว่าถูกต้องหรือไม่ก่อนที่จะใช้อะไร แต่ในขณะเดียวกันอย่างที่บอกว่าหลักฐานและหลักกฎหมายพร้อมที่จะสู้ เมื่อเข้าสู่กระบวนการจริงๆ แต่จนถึงขณะนี้ กกต.ยังไม่ได้ติดต่ออะไรมา รวมถึงที่ กกต.บอกว่าอาจจจะตรวจสอบคลิปหรือไม่ ตรงนี้จึงยังไม่มีความจำเป็นที่จะต้องตอบสนองสถานการณ์อะไรมากไปกว่าที่เคยตอบคำถามสื่อมา

เมื่อถามว่าในการตั้งเรื่องไต่สวนตามมาตรา 151 มีกระบวนการที่จะทำให้นายพิธา หยุดปฏิบัติหน้าที่ก่อนวันโหวตนายกฯ หรือไม่ นายพิธา กล่าวว่าตรงนั้นมันไม่ได้เป็นประเด็นอะไรในการโหวตเลือกนายกฯ ตามที่นายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ ให้สัมภาษณ์ข้อมูลข้อเท็จจริงน่าจะคลาดเคลื่อน ตนจำได้ว่าตอนที่นายธนาธรหยุดปฏิบัติหน้าที่ นายชัย ชิดชอบ เป็นประธานสภาฯ แต่ตอนที่โหวตเลือกนายกฯ เป็นนายชวน หลีกภัย ไปแล้ว วันที่หยุดปฏิบัติหน้าที่คือวันที่ 23 พ.ค. 62 วันโหวตเลือกนายกฯ คือวันที่ 5 มิ.ย. 62 ซึ่งโหวตนายกฯ ได้อยู่ดี ดังนั้นที่จากที่ตนอ่านข่าวนายวิษณุระบุว่า โหวตไม่ได้ ข้อเท็จจริงจึงคลาดเคลื่อน มาตรา 151 จึงไม่ได้เป็นอุปสรรคในการเข้าสู่กระบวนการเลือกตนเป็นนายกฯ คนที่ 30 ของประเทศไทย

เมื่อถามว่า กรณีคลิปบันทึกการประชุมผู้ถือหุ้นไอทีวี อาจไม่มีน้ำหนักพอในการลบล้างการถือหุ้นไอทีวีของนายพิธาได้ จะมีแนวทางการต่อสู้คดีอย่างไรบ้าง ว่าก็ต่อสู้ในรายละเอียด ในทุกกระบวนความ เวลามีเรื่องเกี่ยวกับหุ้นสื่อขึ้นมา ทั้งตนและสื่อมวลชนสามารถเทียบฎีกาดูย้อนหลังได้ว่าเวลาศาลตัดสินไม่ว่าจะจะเป็นศาลอาญา ศาลฎีกา หรือศาลรัฐธรรมนูญ ตัดสินด้วยบรรทัดฐานแบบไหน เราก็คงต้องต่อสู้ในแนวทางแบบนั้น ตนยังมั่นใจในหลักฐาน และมั่นใจในหลักกฎหมาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเห็นว่ามีความไม่ชอบมาพากลมีความพิรุธในการพยายามที่จะสร้างหลักฐานขึ้นมาด้วย มันยิ่งเพิ่มน้ำหนักให้ตนมั่นใจว่าจะสามารถต่อสู้คดีนี้ได้ในทุกรูปแบบ ในรายละเอียดทุกคนก็คงจะทราบดีอยู่แล้วว่ามันมีเกณฑ์ตัดสินอย่างไรบ้าง เราก็สู้กันตามนั้น

ผู้สื่อข่าวถามว่า ในเรื่องการยื่นงบการเงินต่อกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ โดยระบุว่า เป็นสื่อโทรทัศน์จะทำให้เพลี่ยงพล้ำในการสู้คดี นายพิธา กล่าวว่าคิดว่าไม่ แต่เดี๋ยวคงต้องตรวจสอบดูก่อน ทางตนก็ไล่ดูงบประมาณก็ดี เงินรายได้ และงบการเงิน อะไรหลายๆ อย่างของแต่ละปีมาโดยตลอด ตรงนี้ขอให้เป็นหน้าที่ของคณะทำงานทางกฎหมายที่ดูรายละเอียดพวกนี้อยู่

เมื่อถามว่าทาง ส.ว. มีการมองว่าหากมีการรับรองนายพิธา เป็น ส.ส. จะมีช่องที่ ส.ส.เข้าชื่อยื่นร้องต่อประธานสภาให้ตรวจสอบคุณสมบัติได้มีการเตรียมรับมือเรื่องนี้หรือไม่ นายพิธา กล่าวว่า อันนี้ตอบไปแล้วว่าเป็นฉากทัศน์ที่คิดอยู่ว่าน่าจะเป็นไปได้ในการที่จะสกัดกั้นไม่ให้ตนเข้าสู่ทำเนียบรัฐบาล ก็เห็นว่าพอที่จะมี ในขณะเดียวกันก็ตอบคำถามไปแล้วว่าสกัดกั้นทำให้เป็นแคนดิเดตนายกฯ ของตนหมดไปหรือไม่ ก็ยกตัวอย่างนายธนาธร ตอนที่ถูกสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ ก็ยังไม่ได้เลือกประธานสภา พอเลือกประธานสภาแล้วก็มีการเสนอชื่อนายธนาธร ก็มีการโหวตนายธนาธรให้เป็นนายกฯ ได้ ตนเป็นคนหนึ่งที่โหวตนายธนาธร ดังนั้นตนจำได้ ถ้าวันที่ไม่ผิดและลองช่วยตนเช็กอีกทีหนึ่งคือ วันที่ 23 พ.ค. 62 โดนหยุดปฏิบัติหน้าที่ 5 มิ.ย. 62 คือวันโหวตนายกฯ ถ้าเป็นอย่างนั้นแสดงว่ามันไม่ได้มีผลกระทบอะไร ความเป็น ส.ส.กับแคนดิเดตนายกฯ ไม่ได้เกี่ยวข้องกัน

เมื่อถามว่าหากมีการเข้าชื่อ ส.ส.ที่ผ่านการรับรองไปแล้ว เสนอให้มีการเลื่อนโหวตนายกฯ ออกไป จะเกิดผลกระทบอย่างไรบ้าง นายพิธา กล่าวว่า เรื่องนี้ต้องไปดูข้อบังคับ ตนยังตอบอะไรไม่ได้ และเพิ่งเคยได้ยินว่ามีแนวคิดแบบนี้ ต้องขอไปดูว่าในความเป็นจริงทำได้มากน้อยแค่ไหน และต้องใช้ ส.ส.กี่คน

เมื่อถามว่ามีความคืบหน้าในเรื่องการยื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินต่อ ป.ป.ช.อย่างไร นายพิธา กล่าวว่า ก็ต้องทำตามที่กฎหมายอนุญาตและรัดกุมวันสุดท้ายคือวันที่ 18 มิ.ย. 66 ถ้ายื่นด้วยตัวเองคือวันที่ 16 มิ.ย. 66 จะติดช่วงเสาร์-อาทิตย์ แต่ถ้าเป็นทางไปรษณีย์หรืออินเทอร์เน็ตอีก 2 วิธีได้ถึงวันที่ 18 มิ.ย. 66 ตนพยายามทำให้รัดกุมและตรงตามกฎหมายทุกอย่างให้มากที่สุด