เมื่อวันที่ 30 พ.ค. ที่ทำการพรรคประชาชาติ (ปช.) ได้มีการนัดประชุม 8 พรรคร่วมรัฐบาล เพื่อพูดคุยแนวทางและแผนงานการทำงานร่วมกันหลังการลงนามเอ็มโอยูว่าจะมีแนวทางในการลงรายละเอียดของเอ็มโอยูอย่างไรให้เป็นรูปธรรม รวมถึงการจัดตั้งทีมเปลี่ยนผ่านรัฐบาลว่าจะมีใครเป็นผู้รับผิดชอบ โดยการประชุมหารือ 8 พรรคร่วม จะจัดขึ้นที่พรรคประชาชาติ เวลา 14.30 น. และในเวลา 16.30 น. จะมีการแถลงการประชุมหารือกับสื่อมวลชน

พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง เลขาธิการพรรคประชาชาติ กล่าวถึงการประชุม 8 พรรคร่วม ว่าจะคุยการเปลี่ยนผ่านไปสู่การจัดตั้งรัฐบาลใหม่ เพราะประชาชนกว่า 72% เลือกให้ 8 พรรคจัดตั้งรัฐบาล อีกทั้งการเปลี่ยนผ่านครั้งนี้เราต้องเตรียมเรื่องนโยบายความคืบหน้าในวงประชุม และเป็นการให้เกียรติพรรคแกนนำจัดตั้งรัฐบาลที่จะมีวาระในเชิงลึก รวมทั้งรายละเอียดแก้ปัญหาให้กับประชาชน เพราะวาระ 23 ข้อ เป็นหัวข้อสำคัญที่พรรคการเมืองได้หาเสียงไว้ รวมทั้งนโยบายต่างๆ ส่วนเรื่องอื่นอยู่ที่หัวหน้าพรรคก้าวไกลจะนำเสนอเพราะเป็นประธานในที่ประชุม

ส่วนปัญหาที่ต้องแก้เร่งด่วนนั้น คือ ความเหลื่อมล้ำ ความยากจน การเอารัดเอาเปรียบ และปัญหาภาคใต้ พรรคประชาชาติจะต้องแก้ปัญหาให้ได้ เพราะการบริหารประเทศของรัฐบาลที่ผ่านมา มีความเหลื่อมล้ำมากที่สุด จากลัทธิรวมศูนย์ ให้ข้าราชการเป็นใหญ่ การศึกษาเน้นชาตินิยม และการทุจริตคอร์รัปชั่นสัมปทานผูกขาดทางภาคพลังงาน ปัญหายาเสพติด

เมื่อถามว่าตำแหน่งประธานสภาผู้แทนราษฎร เป็นวาระพิเศษในการพูดหรือไม่ พ.ต.อ.ทวี กล่าวว่า พรรคก้าวไกล และพรรคเพื่อไทยกำลังคุยกัน ยังคงมีเวลา ประธานสภาฯ เป็นประมุขฝ่ายนิติบัญญัติ ต้องเป็นกลางในการปฏิบัติ เรามั่นใจว่าพรรคก้าวไกลกับพรรคเพื่อไทยคุยกันได้ ส่วนจะคุยในวงประชุมหรือไม่ต้องถามหัวหน้าพรรคก้าวไกล

“พรรคก้าวไกล และพรรคเพื่อไทย มีบุคลากรที่มีความสามารถ หลักเกณฑ์ในการเลือกนายกรัฐมนตรี ประธานสภาผู้แทนราษฎร มีอยู่ 3 หลักเกณฑ์ คือ ความรู้ ความสามารถ ความประพฤติ จริยธรรม ไม่เกี่ยวกับอายุมากหรือน้อย” พ.ต.อ.ทวี กล่าว

เมื่อถามว่า หากมีอุบัติเหตุทางการเมือง พรรคเพื่อไทยและพรรคก้าวไกล ยังไม่สามารถตกลงตำแหน่งประธานสภาฯ ได้ ทำให้รัฐบาลปัจจุบันจะต้องอยู่ต่อหรือรัฐบาลส้มหล่น จะทำอย่างไร พ.ต.อ.ทวี กล่าวว่า “รัฐบาลต้องรับใช้ประชาชน และประชาชนกว่า 72% เลือก 8 พรรคการเมืองให้มาเป็นรัฐบาล ส่วนตัวมองว่า พรรคส้มจะเป็นนายกฯ”