เชฟเฟิร์น เล่าว่า หลังเรียนจบ สาขาไฟแนนซ์ คณะบริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เริ่มทํางาน สายแบงก์ ดูบริหารเงินให้กับลูกค้าองค์กรขนาดใหญ่ ซึ่งเป็นการทำงานที่ดี มั่นคง แต่ไม่อยากทิ้งความฝัน ที่ชอบและอยากทำขนมซึ่งซึมซับมาจากการได้เห็นคุณแม่เคยเรียนทำขนมมาตั้งแต่ยังเด็กและได้ติดสอยห้อยตามไปด้วย “ระหว่างทางคิดเรื่องที่จะเปิดร้านขนมมาตลอด มีความรู้สึกว่า เมืองนอกมีช็อกโกแลต ประเทศเรามีหรือยัง พอมีความรู้สึกนั้นเริ่มทำรีเสิร์ช รู้ว่าเริ่มมีมา 5 ปีมาแล้ว ชาวสวนเกษตรกรเริ่มปลูกโกโก้ เริ่มรู้สึกว่าของไทยเราดีนะ น่าจะต้องดี เริ่มซื้อเมล็ดโกโก้มาและเริ่มเทสต์เอาเมล็ดโกโก้ไปทำแล็บที่เมืองนอก เชฟที่เมืองนอกเขายืนยันบอกรสชาติดี เราเริ่มเสาะแสวงหาชาวสวนปลูกโกโก้และเครื่อง หลังจากโควิดคลี่คลายเดินทางไปโรงงานที่อิตาลี และเอาเมล็ดโกโก้ของไทยไปด้วยเพื่อให้เชฟคนอื่นได้ดูและเทสต์และเขามีเมล็ดที่เป็นมาตรฐาน เทสต์กันแบบหมัดต่อหมัด และเขาก็ยืนยันและอะเมซิ่งว่าไทยแลนด์ช็อกโกแลตดีขนาดนี้เลยหรือไม่เคยรู้มาก่อน ยิ่งทำให้เรามั่นใจว่า ฉันมาถูกทางแล้วและจะพาช็อกโกแลตไทยไปเวทีโลกให้ได้”

เชฟเฟิร์นเล่าต่อว่า “ในระยะเวลาที่เปิดร้านมา ค่อย ๆ พัฒนาทุกอย่างไปเรื่อย ๆ และคิดเสมอว่าจะทำอย่างไรช็อกโกแลตจะเข้าถึงคนไทยและชาวต่างชาติ ถ้าวันหนึ่งชาวต่างชาติมาเมืองไทย เขาจะซื้อช็อกโกแลตไทยและรับรู้ว่าช็อกโกแลตไทยดีกว่าที่เขาคิดเยอะ จริง ๆ เฟิร์นเปิดร้านได้ 1 ปี แต่คลุกคลีกับสิ่งนี้มา 5 ปีแล้ว เวลาทำงาน เวลาเฟิร์นเรียนอะไรกับเชฟมาจะนำมาสอนน้องในร้านทุกคนด้วยความยินดี และรับฟังความคิดเห็นของทุกคนเสมอ ช็อกโกแลตบางสูตรเราทำกันสองสามเดือนถึงจะออกมาสำเร็จ เราเชื่อว่า เราทำงานแบบนี้น้อง ๆ จะมีความสุขเพราะเขากล้าคิดกล้าทำ ทุกครั้งถ้ามีปัญหาผิดพลาดในการพัฒนาสูตร เฟิร์นจะบอกว่า ไม่เป็นไรพรุ่งนี้ลองใหม่จะไม่บอกว่าทำไม ทำไม่ได้ เขาจะไม่เครียด เป็นทูเวย์คอมมูนิเคทมากกว่า การทำงานแบบเราสั่ง เรายืนด่าต่อว่าเขา วิธีการแบบนี้ โลกยุคนี้ ความคิดนี้เฟิร์นว่ามันเอาต์ไปแล้ว”

เชฟเฟิร์นยังบอกถึงความสุขในการทำงานในทุกวันนี้ว่า  “ความสุขของเฟิร์นฟังดูง่ายมาก คือเวลาที่เราตื่นเช้า ๆ มาที่ร้านแล้วเห็นลูกค้านั่งทานแล้วบอกว่าอร่อย   หรือทุกครั้งที่ลูกค้ามาทานแล้วอร่อยและมาซ้ำ ๆ แรก ๆมาคนเดียว ครั้งที่สองพาพ่อแม่มา รู้สึกอยากมาที่นี่เหมือนที่นี่เป็นบ้าน เหมือนเป็นครอบครัว  มีภาพนี้ ทำให้เรามีรอยยิ้ม  ทุก ๆ ครั้งที่เราทำขนมเราบอกน้อง ๆ ทุกครั้งว่า ถ้าวันนี้เธออารมณ์ไม่ดี ทั้งขนมและเครื่องดื่มที่ทำจะไม่อร่อย เพราะการทำขนมทุกอย่างออกมาจากมือและใช้ใจทำ ตอนนี้เราสวมหมวกสองใบคือ เป็นโอนเนอร์ เจ้าของ และเป็นเชฟด้วย เฟิร์นจะคิดว่า กู้ด เอนเนอร์ยีโพสซิทีฟ เอนเนอร์ยี ต้องสตาร์ทจากเรานะ ทุกครั้งที่เราตื่นเช้ามาต้องสร้างแรงบันดาลใจดีดีให้ตัวเอง ถ้าเราตื่นเช้ามา อารมณ์บูด ทุกอย่างจะบูดหมด ถ้าเรามีเอนเนอร์ยีดี ๆ ให้คนรอบข้าง เขาจะรับรู้และสัมผัสได้ โพสซิทิฟ ติ้งกิ้ง และ โพสซิทิฟ เอนเนอร์ยี เป็นเรื่องดี การคิดดีการมองโลกในแง่ดี ไม่ใช่การหลอกตัวอง แต่เป็นการให้กำลังใจตัวเอง เหมือนเป็นบาเรียเล็ก ๆ ของเรา เวลาเจออะไรกระทบแย่ ๆ

เชฟเฟิร์นยังทิ้งท้ายหลักในการดำเนินชีวิตด้วยว่า เฟิร์นมีคุณแม่บุญธรรมคนหนึ่ง เขาเป็นลิวคีเมีย คุณแม่บุญธรรมบอกเฟิร์นว่า ไม่รู้ว่าพรุ่งนี้จะได้ตื่นขึ้นมาไหม เพราะเขาไม่สบาย เลยบอกว่าทำวันนี้ให้ดีที่สุด ทำเหมือนกับว่าพรุ่งนี้จะไม่มี ให้ทำทุกอย่างให้เสร็จในวันนี้ ไม่มีเดี๋ยว ไม่มีผัดวันประกันพรุ่ง เฟิร์นเลยยึดคำนี้มาใช้ตลอด ทำวันนี้ให้ดีที่สุด ทำวันนี้ให้มีคุณภาพที่สุด ตื่นเช้ามาทำหน้าที่ของเรา ทำทุกอย่างจากใจและทำทุกอย่างให้ดี ถ้าพรุ่งนี้เราไม่ได้ตื่นมาจะได้ไม่เสียใจ ทุก ๆ ก้าวที่ก้าวเดิน เราจะพูดเสมอว่าไม่ต้องก้าวเร็ว เราไม่อยากโตแบบพรวด อยากโตแบบยั่งยืน เราต้องการพาช็อกโกแลตของไทยออกสู่เวทีโลก เราต้องการโตแบบออร์แกนิก ทุกคนจะรับรู้ว่าสิ่งที่ดีต้องดีจริง”.