จากกรณี นายบุญชู จันทร์สุวรรณ นายก อบจ.สุพรรณบุรี ได้พาผู้สื่อข่าวลงพื้นที่กำแพงเมืองสุพรรณบุรี คูเมืองเหนือ และคูเมืองใต้ ซึ่งเป็นจุดที่กำลังมีการบูรณะแนวกำแพงด้านทิศตะวันตกต่อจากแนวกำแพงที่บูรณะอยู่แล้วเดิม คิดเป็นความยาว 733 เมตร และบูรณะแนวกำแพงด้านทิศเหนือ ด้านทิศตะวันตก (ฝั่งเหนือ) และด้านทิศตะวันออกฝั่งเหนือ ความยาวประมาณ 1,377 เมตร ตามโครงการอนุรักษ์และพัฒนาโบราณสถานกำแพงเมืองสุพรรณบุรีซึ่งสำนักศิลปากรที่ 2 สุพรรณบุรี ได้ว่าจ้างบริษัทแห่งหนึ่ง เริ่มสัญญาตั้งแต่ 4 มี.ค.64 สิ้นสุดสัญญา วันที่ 29 ธ.ค.64 รวมระยะเวลา 300 วัน มูลค่าก่อสร้าง 29,300,000 บาท พร้อมกล่าวไม่เห็นด้วยกับโครงการดังกล่าว บดบังทัศนียภาพ เหมือนเอาเศษหินมากองไว้ ตามที่ได้เสนอข่าวไปแล้วนั้น

เมื่อวันที่ 3 ก.ย. นายบุญชู จันทร์สุวรรณ นายกอบจ.สุพรรณบุรี ได้มอบหมายให้ ดร.อุดม โปร่งฟ้า ที่ปรึกษา นายก อบจ.สุพรรณบุรี ร่วมพูดกับ นายบุณยฤทธิ์ ฉายสุวรรณ ผอ.สำนักศิลปากรที่ 2 สุพรรณบุรี ถึงแนวทางว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อไป เนื่องจากประชาชนส่วนใหญ่ไม่เห็นด้วย แต่ยังไม่ได้ข้อสรุป

ดร.อุดม กล่าวว่า นายบุญชู มีความห่วงใยในรูปแบบของการก่อสร้าง ถ้าจะทำแล้วควรจะทำรูปแบบให้เสร็จสมบูรณ์จุดแลนด์มาร์กแห่งใหม่ของสุพรรณบุรี ที่อิงประวัติศาสตร์อย่างแท้จริง แต่จากการได้รับฟังทางกรมศิลปากรที่ 2 ว่าได้ดำเนินทำสัญญาว่าจ้างแล้ว และจะแล้วเสร็จวันที่ 6 ธ.ค.64 นี้ การจะทำหรือไปแก้แบบอะไรต่างๆ ไม่สามารถจะทำได้ ทางอบจ.สุพรรณบุรี จะต้องดำเนินการสอบถามความเห็นของพี่น้องประชาชนในจ.สุพรรณบุรี อีกครั้งว่าเห็นด้วยหรือไม่กับการก่อสร้างกำแพงเมืองของกรมศิลปากร ถ้าประชาชนเห็นด้วยก็จะปล่อยให้ดำเนินการก่อสร้างไปตามแบบวางไว้ แต่ถ้าประชาชนไม่เห็นด้วย ก็คงจะต้องใช้สิทธิทางศาลหรือไปท้วงกันอย่างไรค่อยว่ากันอีกขั้นตอนหนึ่ง ส่วนทางฝ่าย อบจ.ถ้าไม่เห็นด้วยอาจจะต้องยื่นหนังสือต่อกระทรวงวัฒนธรรม เพื่อดำเนินการ ทั้งนี้พื้นที่ดังกล่าวเป็นพื้นที่ประวัติศาสตร์ ไม่ใช่พื้นที่ที่จะเป็นสวนหย่อม หรือสวนพักผ่อนหย่อนใจ ในเมื่อจะอิงเป็นพื้นที่ประวัติศาสตร์เราก็ต้องทำให้อิงประวัติศาสตร์โดยแท้จริง เพื่อให้ลูกหลานได้เรียนรู้ในพื้นที่ดังกล่าว ซึ่งทางเราจะเดินหน้าคัดค้านต่อไป

ด้านนายบุญชู กล่าวว่า การเป็นเมืองเก่าหรือเป็นคูเมืองของ จ.สุพรรณบุรี น่าจะมีศิลปะที่ดีกว่านี้ ถ้าทำแบบนี้แค่เด็กก็คิดได้ทำได้ ทำแบบนี้เหมือนดูถูกคนสุพรรณบุรี เชื่อว่าคนสุพรรณบุรีที่ผ่านไปผ่านมาก็มีความรู้สึกไม่ต่างไปจากตน และยอมรับไม่ได้ ตนเองในฐานะคนสุพรรณบุรีคนหนึ่งก็ยอมรับไม่ได้เช่นกัน ถ้าเป็นรูปแบบอย่างนี้ตนไม่ยอมแน่นอน เพราะคนที่มาจากต่างจังหวัดเมื่อมาเห็นแล้ว เขาไม่ได้ต่อว่าคนออกแบบ แต่จะมองว่าคนสุพรรณบุรี มีมันสมองแค่นี้ ฉะนั้นสิ่งที่ก่อสร้างและเสียเงินจากภาษีประชาชนไปมากมาย เกิดอะไรได้ประโยชน์กับคนสุพรรณบุรีบ้าง ดูแล้วมีแต่เสียไม่ได้อะไรเลย แทนที่จะได้คนมาเที่ยวมาถ่ายภาพ มาท่องเที่ยว สรรเสริญว่าสุพรรณบุรีมีสิ่งโบราณสถานต่างๆ แทนที่จะได้คำชื่นชม แต่กลับเป็นคำด่ามากกว่า