เมื่อวันที่ 2 ก.ย. ที่เรือนจำกลางพิษณุโลก อ.วังทอง จ.พิษณุโลก นายสมพงษ์ เย็นแก้ว รองอธิบดีอัยการภาค 6 พล.ต.ต.ไตรรงค์ ผิวพรรณ รอง ผบช.ภ.6 พ.ต.อ.เอนก เตาสุภาพ รองผบก.ป. พ.ต.ท.ชน อินพิทักษ์ เลขานุการอัยการ ภาค 6 พร้อมด้วยทนายความฝั่งผู้ต้องหา ได้ร่วมกันสอบสวน พ.ต.อ.ธิติสรรค์ อุทธนผล อดีต ผกก.สภ.เมืองนครสวรรค์ หรือ ผกก.โจ้ พร้อมพวก เพื่อให้เกิดความโปร่งใสเป็นไปตาม พ.ร.บ.การสอบสวน

นายสมพงษ์ เย็นแก้ว รองอธิบดีอัยการภาค 6 กล่าวว่า ในกรณีที่มีการชันสูตรพลิกศพ หรือตายระหว่างการปฏิบัติหน้าที่ ตามหลักต้องมีการสอบสวนโดยพนักงานอัยการร่วมกับพนักงานสอบสวน เนื่องจากสำนวนคดีที่แจ้งความไว้เป็นการกระทำโดยพนักงานของเจ้าพนักงานสอบสวนเพียงฝ่ายเดียว พนักงานอัยการยังไม่มีส่วนร่วมด้วย ดังนั้นตามกฎหมายอัยการต้องมาร่วมสอบสวนให้ครบตามกระบวนการ การสอบสวน ผกก.โจ้ เราได้แจ้งข้อกล่าวหาซึ่งก็เป็นสิทธิตามกฎหมายว่าเขากระทำความผิดอะไรบ้าง แล้วเขาจะให้การอย่างไร

ผลชันสูตรยันชัด! ‘เหยื่อผกก.โจ้’ ขาดอากาศหายใจเสียชีวิต ไม่ใช่จากยาเสพติด อ่านต่อที่นี่

โดยการกระทำจะมีพนักงานอัยการ มีพนักงานสอบสวน มีทนายความของผู้ต้องหา ขณะนี้อยู่ระหว่างการสอบสวนคนอื่น การสอบสวนตัวของ ผกก.โจ้ สอบสวนเสร็จแล้ว วันนี้ยังให้การภาคเสธ ว่า กระทำจริง แต่เขาอ้างว่าไม่ได้มีเจตนาฆ่า เขาอ้างว่าต้องการแค่เค้นข้อมูล ยืนยันการสอบสวนในครั้งนี้ไม่ใช่การเริ่มต้นนับหนึ่งใหม่ เมื่อเราแจ้งข้อกล่าวหาเขาว่า ฆ่าคนตายโดยเจตนา เล็งเห็นผลโดยทารุณโหดร้ายและทนทุกข์ทรมาน หลักการตามกฎหมายยังอยู่เหมือนเดิม ส่วนตัวผู้ต้องหามีสิทธิของเขาว่าจะให้การยังไงก็ได้เป็นสิทธิของผู้ต้องหา

แต่ในบทบาทของพนักงานสอบสวน และพนักงานอัยการ เราจะดูว่าพยานหลักฐานของเราที่ปรากฏมันมีลักษณะของการเจตนาที่จะฆ่าจริงหรือไม่ มีลักษณะทารุณโหดร้ายจริงหรือไม่ ถ้าเราดูเจตนา กรรมเป็นเครื่องชี้เจตนา กรรมก็คือการกระทำของเขาในขณะที่ทำว่าเขามีเจตนาหรือไม่ เขาว่าเขาไม่มีเจตนา แต่ทำไมพฤติการณ์ของเขาที่ทำ ตามหลักฐานที่ปรากฏ ทำไมใช้ถุงคลุมศีรษะถึง 6 ถุง มีการขันชะเนาะหลายรอบ การขันชะเนาะนั้นตามหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ที่มี พบว่ามีร่องรอยช้ำแดง แสดงว่าการขันรอบคอมีลักษณะการใช้ความรุนแรง ยิ่งกดแรงเท่าไหร่ก็เหมือนการบีบคอ อากาศไม่สามารถหายใจได้ การกดคอลงกับพื้นยิ่งทำให้ไม่มีอากาศ มีการใส่กุญแจมืออีก ดังนั้นสิ่งที่เราเจอก็คือ เมื่อถึงจุดๆ นึงผู้ถูกกระทำไม่ได้รับออกซิเจนไปเลี้ยงสมองนานถึง 4-7 นาที มีผลทำให้สมองตายตามหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์

‘ผกก.โจ้’ผ่อนคลายกินอาหารได้ ร้องขอกระดาษปากกาเขียนจดหมายถึงพ่อแม่… อ่านต่อที่นี่

รองอธิบดีอัยการภาค 6 กล่าวอีกว่า คดีนี้ยืนยันไม่ว่าผู้ต้องหาจะกล่าวอ้างว่าเช่นไร จะปฏิเสธอย่างไร แต่เราเชื่อในหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ เราเชื่อในหลักฐานของแพทย์ผู้ชำนาญการที่มีหน้าที่โดยตรง เราพบแพทย์มีการผ่าตัดสมอง มีหลักฐานต่างๆ เราพบร่องรอยการขาดออกซิเจนนานๆ มีผลต่อสมองอย่างไร เส้นเลือดบวมอย่างไร เรามีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ เรากำลังสู้กันด้วยหลักของนิติวิทยาศาสตร์ ไม่ใช่คำกล่าวอ้างลอยๆ ของผู้ต้องหา

ส่วนเรื่องไบโพลาร์ที่ผู้ต้องหากล่าวอ้างนั้น เราดูจากหลักฐานในการกระทำตามคลิป คนเป็นไบโพลาร์ เมื่อเกิดเหตุการณ์แล้วทำไมไม่เกี้ยวกราดต่อ แต่ทำไมกลับมีอาการตกใจ ปั๊มหัวใจ สั่งให้ทำลายหลักฐาน ลบคลิปทั้งหมด คนไบโพลาร์ทำไม่ได้ เพราะลักษณะของ ผกก.โจ้นั้นรู้ผิดชอบชั่วดี มีการให้พาไป รพ. พฤติการณ์ตามคลิปไม่แสดงเลยว่าเขามีอาการไบโพลาร์ ที่จะนำมาเป็นเหตุลดโทษได้จากพฤติการณ์แวดล้อมที่กระทำ

‘ผกก.โจ้’ยันไม่ได้รีดเงินล้าน-ไม่มีทนายตบทรัพย์ รับช็อกเลยสั่งถอดวงจรปิด… อ่านต่อที่นี่

รองอธิบดีอัยการภาค 6 กล่าวต่อว่า ขณะนี้กำลังเร่งสำนวนการสอบสวนให้เสร็จ ประมาณสัปดาห์หน้าสำนวนการสอบสวนชันสูตรพลิกศพต้องนำมาประชุมร่วมกันแล้วนำมาส่งให้พนักงานอัยการเพื่อยื่นคำร้องต่อศาลเพื่อไต่สวน คาดว่าใช้เวลาไม่เกิน 30 วัน จะสามารถส่งสำนวนต่อศาลให้พิจารณาคดีได้ โดยขณะนี้ได้ทำการตั้งข้อกล่าวหาคือ 1.ฆ่าคนตายโดยทรมานโหดร้าย 2.หน่วงเหนี่ยวกักขังเป็นเหตุแก่ความตาย 3.เป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่มิชอบโดยกฎหมาย

ส่วนในวันนี้ ผกก.โจ้ พร้อมพวก อยู่ในอาการสงบ ไม่มีอาการเครียด เหมือนวันแรกๆ ทุกคนให้ความร่วมมือในการสอบสวนเป็นอย่างดี