เมื่อเวลา 16.00 น. วันที่ 3 พ.ค. ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) กล่าวภายหลังประชุมร่วมกับคณะทำงานคลี่คลายคดีไซยาไนด์ของ นางสรารัตน์ รังสิวุฒาภรณ์ หรือ แอม ซึ่งประกอบด้วยชุดคณะทำงาน พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร., ตำรวจนครบาล, ตำรวจภูธรภาค 4, ตำรวจภูธรภาค 7, กองปราบปราม เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน และแพทย์นิติเวชโรงพยาบาลตำรวจ ใช้เวลากว่า 2 ชั่วโมง

พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กล่าวว่า วันนี้มีการประชุมติดตามความคืบหน้าทางคดีโดยทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติ พบความเชื่อมโยงจากการเสียชีวิตของผู้เสียหาย 14 ราย รอดชีวิต 1 ราย รวมเป็น 15 ราย ปัจจุบันออกหมายจับแล้ว 14 คดี ยังมีสงสัยอีก 2-3 คดี โดยวันนี้ที่ประชุมลงมติให้โอนทั้ง 14 คดี ให้กองบังคับการปราบปรามดำเนินการ โดยมีหัวหน้าคณะสืบสวน คือ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ และในคณะประกอบด้วย พล.ต.ท.ธนายุตม์ วุฒิจรัสธำรงค์ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 7, พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง, พล.ต.ท.อิทธิพล อัจฉริยะประดิษฐ์ ผู้บัญชาการสำนักงานพิสูจน์หลักฐานตำรวจ โดย ผบ.ตร. สั่งให้เร่งรัดดำเนินการทุกวัน ทำงานร่วมกัน เพื่อให้ได้พยานหลักฐานที่แน่นหนาในการเอาผิดกับผู้ต้องหา

พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กล่าวอีกว่า ในที่ประชุมได้มีการออกแนวทางให้พนักงานสอบสวน กองพิสูจน์หลักฐาน แพทย์นิติเวช ต้องมีการทำงานร่วมกันอย่างบูรณาการ จากนี้กรณีพบการตายไม่ทราบสาเหตุ พนักงานสอบสวนจะไม่ทำงานโดยลำพัง แต่ต้องมีทุกหน่วยทั้งกองพิสูจน์หลักฐาน แพทย์นิติเวช เข้ามาช่วย หากแพทย์นิติเวชตามโรงพยาบาลในต่างจังหวัดไม่สามารถตรวจสอบ ให้ประสานนำส่งมาตรวจที่โรงพยาบาลของรัฐ หรือส่งมาที่นิติเวชโรงพยาบาลตำรวจเป็นหลัก และให้เจ้าหน้าที่ พฐ. เก็บพยานหลักฐานเหตุที่ควรต้องสงสัย อย่างไรก็ตามใน 14 คดีที่ดำเนินคดีแล้ว ตำรวจได้ย้อนกลับไปเก็บพยานหลักฐานเพิ่มเติม ทำให้มีหลักฐานประกอบในสำนวนคดีต่างๆ มากขึ้น อีกทั้งการค้นหาไซยาไนด์ ประสานกรมโรงงาน อย. พบแหล่งที่มา อยู่ระหว่างคัดแยกว่าส่วนไหนที่ส่งถึงแอม

ส่วนการส่งพยานหลักฐานให้ อ.อ๊อด ช่วยตรวจสอบครั้งนี้ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กล่าวว่า ถือเป็นการขอความช่วยเหลือจากผู้เชี่ยวชาญ จากนี้พยานหลักฐานทั้งหมดจะเข้าตามระบบ ส่วนหลักฐานของ อ.อ๊อด ยืนยันเอาไปใช้ในชั้นศาลได้ แต่ตำรวจสื่อสารไปแล้ว เรื่องการให้ข้อมูลสู่สาธารณะ หลังจากนี้ต้องระมัดระวัง เนื่องจากจะมีผลต่อรูปคดี ทั้งนี้แม้ไม่มีพยานที่รู้เห็นตอนแอมหยอดยาไซยาไนด์ในอาหารหรือน้ำดื่มให้ผู้เสียหาย แต่คดีนี้ตำรวจมีประจักษ์พยานพยานแวดล้อม และหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์แน่นหนาเอาผิดผู้ต้องหาได้ทุกคดีแน่นอน

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า ขณะนี้คดีที่เกี่ยวข้อง เหลือเพียงคดีในส่วนสถานีตำรวจนครบาล (สน.) ทองหล่อ ซึ่งวันจันทร์ที่ 8 พ.ค. ตำรวจจะขอศาลออกหมายจับได้ เนื่องจากการสอบสวนอยู่ในขั้นตอนสุดท้ายแล้ว สำหรับนายตำรวจยศ ส.ต.อ. ที่เสียชีวิตเมื่อปี 2565 ขณะนี้อยู่ระหว่างตรวจสอบว่า เกี่ยวข้องกับแอมด้วยหรือไม่ เบื้องต้นแพทย์ยืนยันว่าป่วยด้วยโรคมะเร็ง แต่ทั้งหมดนี้ต้องมีการสืบสวนโดยละเอียดอีกครั้ง

สำหรับ พ.ต.ท.วิฑูรย์ รังสิวุฒาภรณ์ หรือ รองผู้กำกับอ๊อฟ อดีตสามีแอม ตำรวจพบว่ามีการหย่าร้างทางนิตินัย แต่ทั้งสองยังคงใช้ชีวิตอยู่ด้วยกัน ไม่ได้เลิกกันจริง ส่วนที่ไปมีสามีใหม่คือแด้ จุดประสงค์แอมคือต้องการทรัพย์สิน เนื่องจากแอมทราบมาว่า แด้มีทรัพย์สินจำนวนมาก อีกทั้งการสืบสวนของตำรวจเป็นการขยายพื้นที่ตั้งต้นที่จังหวัดอุดรธานี ทั้งนี้คดีของนายแด้ เชื่อว่ารองผู้กำกับ มีส่วนเกี่ยวข้อง เพราะหลังก่อเหตุแอมให้รองผู้กำกับ ไปเอารถของแด้ที่จังหวัดอุดรธานี จากนั้นทั้งสองไปตระเวนทวงเงินจากลูกหนี้ของนายแด้

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวอีกว่า แอมไม่เคยให้คำตอบเรื่องหย่า แต่สามีที่เป็นรองผู้กำกับ ตอบว่า เหตุผลที่หย่ากับแอม เพราะแอมทำผิดหลายอย่าง ตนที่รับราชการเป็นตำรวจกลัวว่าจะโดนความผิดและเดือดร้อนไปด้วย อย่างไรก็ตาม จนถึงขณะนี้อดีตสามีของแอม ยังไม่มีการรับสารภาพว่าร่วมก่อเหตุฆาตกรรมกับแอม จากนี้ในส่วนของคนรอบข้างผู้ต้องหาทั้ง 2 ตำรวจจะยังมีการติดตามตัวมาสอบปากคำในฐานะพยานเพิ่มเติมอีก

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวถึง พยานคนใหม่ในคดี ซึ่งเป็นภรรยาน้อยของรองผู้กำกับอ๊อฟ ที่ตำรวจเรียกมาให้ปากคำที่สโมสรตำรวจ เวลา 18.00 น. วันนี้ เพื่อสอบถามความเชื่อมโยงในคดี เนื่องจากพบว่ารองผู้กำกับอ๊อฟ แอม และภรรยาน้อยทั้ง 3 คน ซึ่งรู้จักกันดี เดินทางไปที่อำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ หลังแอมก่อเหตุ เพื่อสร้างแหล่งที่อยู่ว่า แอมไม่ได้อยู่ในจุดเหตุฆาตกรรมในท้องที่ สภ.บ้านโป่ง

นอกจากนี้ทรัพย์สินทั้งหมดที่แอมได้มาจากผู้เสียหาย ตำรวจกำลังรวบรวม ซึ่งวานนี้ (2 พ.ค.) ได้ไปเจอร้านทองในจังหวัดนครปฐม มีใบเสร็จที่แอมนำทองมาขาย ทางร้านที่รับซื้อได้หลอมไปแล้ว

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวยืนยันว่า ผู้เสียหายทั้ง 15 ราย แอมใช้สารพิษไซยาไนด์ทั้งหมด ไม่ว่าในรูปแบบเป็นน้ำอาหาร ยาเม็ดแคปซูล ปัญหาการเงินเป็นมูลเหตุจูงใจในการฆ่า โดยใช้วิธีการโอนเงิน ทั้งแบบหลอกรับจำนำรถยนต์ขอกู้ยืม เพราะแอมล้มเหลวด้านการเงิน มีหนี้บัตรเครดิตจำนวนมาก ทั้งนี้สอดคล้องกับข้อมูลจากการตรวจค้นที่บ้านพักพี่สาวแอม ที่พบแคปซูลเป็นจำนวนมาก ซึ่งจากการตรวจสอบพบว่า ในแคปซูลมีการปนเปื้อนสารไซยาไนด์

สำหรับข้อมูลการใช้โทรศัพท์ การโอนเงิน การทำธุรกรรมธนาคาร เส้นทางการเงินทั้งหมดเ พื่อหาความเชื่อมโยงระหว่างรองผู้กำกับอ๊อฟกับแอม ตำรวจจะได้รับข้อมูลภายในวันศุกร์ที่ 5 พ.ค. นี้ รวมไปถึงบัญชีม้าที่แอมใช้เอง