เมื่อเวลา 10.45 น. วันที่ 26 เม.ย. ที่พรรคภูมิใจไทย (ภท.) นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.สาธารณสุข (สธ.) ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย และนายศุภชัย ใจสมุทร นายทะเบียนพรรค แถลงภายหลังคณะเอกอัครราชทูตจากกลุ่มประเทศสหภาพยุโรป (อียู) 15 ประเทศ อาทิ ออสเตรีย เบลเยียม สาธารณรัฐเช็ก เดนมาร์ก ฟินแลนด์ ฝรั่งเศส เยอรมนี ไอร์แลนด์ ลักเซมเบิร์ก เนเธอร์แลนด์ โปแลนด์ สเปน สวีเดน เข้าพบเพื่อสอบถามถึงสถานการณ์ของประเทศไทย

นายอนุทิน กล่าวว่า เอกอัครราชทูตจากอียูได้หารือถึงสถานการณ์การเมือง สิ่งที่จะเกิดขึ้นหลังการเลือกตั้ง ตลอดจนแนวทาง และเจตนารมณ์ของพรรคภูมิใจไทย ที่มีต่อประเทศกลุ่มประชาคมยุโรป ซึ่งเป็นการหารือที่เต็มไปด้วยมิตรภาพ และความเข้าใจ โดยมีการถามถึงความคาดหวังว่าจะต้องมีการช่วยเหลือซึ่งกันและกันอย่างไรบ้าง ตนได้เล่าถึงความพร้อมของพรรคภูมิใจไทยต่อการเลือกตั้ง ซึ่งตนบอกว่าเราเตรียมพร้อมมามากกว่า 1 ปีแล้ว วันนี้พรรคจึงมีความพร้อมอย่างมาก นอกจากนี้ เอกอัครราชทูตจากอียูยังถามถึงท่าทีของพรรคหลังการเลือกตั้ง ซึ่งตนยืนยันว่า พรรคยังไม่ได้พูดคุยกับใครในการกำหนดทิศทางทางการเมือง พรรคจะยึดมั่นในกติกาทางการเมืองที่เป็นสากล โดยพรรคลำดับแรกต้องได้จัดตั้งรัฐบาลก่อน ให้เป็นไปตามวิถีทางประชาธิปไตย พรรคที่ได้ ส.ส. มากกว่าก็เป็นแกนนำดำเนินกิจกรรมทางการเมือง และตำแหน่งต่างๆ ต้องเป็นไปตามกติกา

นอกจากนี้ในการหารือยังพูดถึงปัญหาของผู้ประกอบกิจการประมงของไทย จากการที่ตนลงพื้นที่หลายจังหวัดภาคใต้ ได้เยี่ยมกลุ่มผู้ประกอบกิจการประมง ได้รับทราบปัญหา อุปสรรคหลายๆ อย่าง โอกาสที่ถูกปิดกั้นจากมาตรฐานที่ถูกกำหนดโดยอียู จึงเป็นจังหวะดีที่เอกอัครทูตอียูมาหารือพอดีจึงได้หยิบยกเรื่องนี้ขึ้นมา ซึ่งตนบอกว่าเวลาผ่านไปหลายปีแล้ว สถานการณ์ประเทศสถานการณ์การเมือง แตกต่างจากเดิม สิ่งที่เป็นอุปสรรคคนที่มาเป็นรัฐบาลจะต้องแก้ไข ตนจึงแสดงจุดยืนหากกลับมาบริหารประเทศ ปัญหาของพี่น้องประมง พรรคภูมิใจไทยจะเร่งแก้ไข จะมีการเจรจากำหนดเงื่อนไขใหม่ อะไรที่เป็นอุปสรรคต้องได้รับการแก้ไข

โดยเอกอัครราชทูตอียูได้สอบถามถึงสถานการณ์การเลือกตั้งว่าจะมีการยุบพรรคอีกหรือไม่ ซึ่งเราได้แจ้งว่า เชื่อว่าการเลือกตั้งครั้งนี้เข้าใกล้ระบอบประชาธิปไตยมากที่สุด ส่วนที่ยังไม่เป็นประชาธิปไตยคือการเลือกนายกรัฐมนตรี ที่ยังมี ส.ว. แต่เราก็บอกว่าให้พ้นไปตามกาลเวลา ซึ่งในบทเฉพาะกาลของรัฐธรรมนูญ ปีหน้า ส.ว. ก็หมดอำนาจตรงนี้ไปแล้ว วันนี้เราต้องรักษาประชาธิปไตยไว้มากที่สุด การเลือกตั้งถือเป็นโอกาสของประชาชน ขณะที่พรรคการเมืองต้องสามัคคีกัน เพื่อป้องกันไม่ให้มีเหตุการณ์อำนาจนอกระบบเอาประชาธิปไตยออกไปจากมือประชาชน ส่วนหลังการเลือกตั้ง หากจะค้านก็ต้องค้านเพื่อปกป้องประโยชน์ประเทศ ไม่ใช่มุ่งทำลายสาดโคลนฝ่ายตรงข้าม เพราะคนบริหารประเทศจะต้องปกป้องตัวเอง ไม่ได้ทำหน้าที่บริหารประเทศอย่างเต็มที่ คนเดือดร้อนก็คือประชาชน สิ่งนี้เป็นสิ่งที่พรรคจะไม่มีวันทำ เราเป็นพรรคที่ทำงานพูดแล้วทำ

“ทูตอียูได้สอบถามว่า ได้ข่าวจะมีการยุบพรรค ผมจึงบอกว่าไปดูพรรคที่ถูกยุบยิ่งใหญ่ขึ้นทุกวัน เวลายุบพรรคคนสิ้นสภาพคือพรรคและผู้บริหาร ส่วนสมาชิกไปหาพรรคใหม่สังกัดได้ไม่ได้สิ้นสภาพไปด้วย มันไม่ได้เป็นการแก้ไขปัญหา ตรงกันข้าม จะยิ่งเป็นการขยายความแตกแยก ผมก็เคยเป็นสมาชิกบ้านเลขที่ 111 มาแล้ว สมัยเป็นกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย แต่ต่อให้ทำลายบุคคลได้ ก็ยังมีคนร่วมแนวทางเดียวกันสืบสานงานต่อไปได้ ดังนั้น การยุบพรรคไม่ได้เป็นคำตอบสุดท้าย”

เมื่อถามว่า แสดงว่าผู้มีอำนาจนึกถึงเรื่องยุบพรรคจริงใช่หรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า เราไม่ทราบ พรรคภูมิใจไทยไม่ได้ติดต่อใครเลย เราลงพื้นที่นำเสนอนโยบายประชาชน เราเสพข่าวเหมือนชาวบ้านทั่วไป

นายอนุทิน กล่าวต่อว่า เราแสดงจุดยืนเทิดทูนสถาบันด้วยว่าใครแตะมาตรา 112 พรรคภูมิใจไทยร่วมงานด้วยไม่ได้ นี่คือข้อจำกัดเดียวของพรรคภูมิใจไทย และพรรคไม่เอามาตรา 272 เพราะนายกฯ ต้องมาจาก ส.ส. และบัญชีแคนดิเดตนายกฯ ของพรรคการเมืองเท่านั้น เราไม่เอากระบวนการที่แฝงอยู่ในประชาธิปไตย แต่ไม่ใช่ประชาธิปไตย

เมื่อถามว่า ทำไมทูตอียูถึงมาหารือกับพรรคภูมิใจไทย นายอนุทิน กล่าวว่า พวกท่านก็ไปหาพรรคการเมืองที่เชื่อว่าจะมีบทบาททางการเมืองหลังการเลือกตั้ง ซึ่งเขาสนับสนุนเรื่องความเป็นประชาธิปไตยเต็มที่อยู่แล้ว โดยอยากเห็นการเลือกตั้งที่โปร่งใสเป็นธรรม

ผู้สื่อข่าวถามว่า ทูตอียูได้ถามถึงนโยบายกัญชาด้วยหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า มีทูตบางท่านได้สอบถาม ซึ่งเรายืนยันว่า นโยบายเราทำสำเร็จแล้ว คือการปลดล็อกออกจากพืชยาเสพติด และใช้กฎหมายของกระทรวงสาธารณสุขควบคุมป้องกันไม่ให้ใช้ในทางที่ผิด และหากกลับเข้าสภา จะเร่งผลักดันกฎหมายที่ค้างอยู่ให้สำเร็จ ซึ่งร่าง พ.ร.บ.กัญชากัญชง ไม่ได้ตกไป แต่ค้างอยู่ พรรคจึงนำร่างนี้เข้าสู่กระบวนการเสนอกฎหมายตามขั้นตอนของสภาได้ต่อไป

เมื่อถามถึง การแก้รัฐธรรมนูญ พรรคเห็นด้วยกับการตั้งสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) หรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า การตั้ง ส.ส.ร. เป็นความเชื่อของพรรคภูมิใจไทยอยู่แล้ว หากแก้ก็ควรตั้ง ส.ส.ร. ที่มาจากประชาชน จะได้หมดข้อครหาว่ารัฐธรรมนูญไม่เป็นประชาธิปไตย

เมื่อถามว่า ถ้าพรรคก้าวไกลไม่แก้มาตรา 112 จะร่วมงานด้วยกันได้หรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า ถึงตอนนั้นค่อยว่ากัน เราไม่ได้บอกว่าเรามีปัญหากับพรรคไหน เราไม่เอาการแก้ไขมาตรา 112 แต่เงื่อนไขแรกที่พรรคจะคุยในการร่วมรัฐบาลกับใครหรือไม่ คือจะต้องผลักดันกฎหมายกัญชาในสภาชุดที่จะมาถึงนี้