สตีเวน สปีลเบิร์ก ผู้กำกับภาพยนตร์ชาวอเมริกันวัย 76 ปี ผู้เป็นเจ้าของผลงานยอดนิยมและได้รับรางวัลด้านภาพยนตร์หลายเรื่อง เปิดเผยว่า มีผลงานของเขาเองอยู่เรื่องหนึ่ง ที่เขาปฏิเสธ ไม่ยอมรับส่วนแบ่งจากผลกำไรที่ได้จากการจัดหน่าย

ภาพยนตร์เรื่องนั้นคือ Schindler’s List และ สปีลเบิร์ก ก็ให้เหตุผลไว้อย่างน่าประทับใจ

ผลงานปี ค.ศ. 1993 ของ สปีลเบิร์ก เรื่องนี้ เป็นการถ่ายทอดเรื่องราวของ ออสการ์ ชินด์เลอร์ ชายผู้ช่วยพาชาวยิวจำนวนหลายร้อยคน หลบหนีจากการตามสังหารของนาซีในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 สปีลเบิร์ก ถ่ายทำเรื่องนี้เป็นภาพขาวดำ ตัวภาพยนตร์ได้รับรางวัลจากสถาบันศิลปะวิทยาการถึง 7 รางวัล ซึ่งรวมทั้งรางวัลภาพยนตร์ยอดเยี่ยม และผู้กำกับภาพยนตร์ยอดเยี่ยม 

Schindler’s List ประสบความสำเร็จทั้งในแง่คำวิจารณ์และทำรายได้ได้อย่างมหาศาล แต่ สปีลเบิร์ก มองว่า หนังเรื่องนี้มีความสำคัญต่อเขามากกว่าเรื่องเงินทอง

ก่อนหน้าที่ สปีลเบิร์ก จะรับหน้าที่กำกับหนังเรื่องนี้หลายปี เขาพยายามหาผู้กำกับคนอื่น ๆ มารับงาน เช่น มาร์ติน สกอร์เซซี เพราะเขารู้สึกว่า ตัวเองไม่พร้อมที่จะรับผิดชอบการถ่ายทอดเรื่องที่สำคัญมากเรื่องนี้ 

สุดท้ายเขาก็ตกลงใจที่ทำหน้าที่ผู้กำกับฯ แต่ปฏิเสธที่จะรับเงินจากหนังเรื่องนี้โดยสิ้นเชิง

สปีลเบิร์ก ให้สัมภาษณ์ว่า เขาไม่เคยรับเงินแม้แต่แดงเดียวจากผลกำไรที่มาจาก Schindler’s List เพราะเขามองว่า มันเป็น “เงินที่เปื้อนเลือด” ตอนแรกที่เขาตัดสินใจกำกับหนังเรื่องนี้ เขาก็พูดออกมาเลยว่า ถ้าหนังเรื่องนี้ทำกำไรได้ เขาและครอบครัวจะไม่รับ และเงินส่วนนั้นจะต้องถูกส่งต่อให้เพื่อนร่วมโลก

สปีลเบิร์ก ทำตามคำพูดของเขา โดยนำเงินที่ได้จากการรับหน้าที่กำกับฯ และส่วนแบ่งของเขา มาจัดตั้งมูลนิธิโชอาห์ในความดูแลของมหาวิทยาลัยเซาท์แคโรไลนา ในปีค.ศ. 1994 ซึ่งเป็นองค์กรเก็บรักษาข้อมูลจากเหตุการณ์สังหารหมู่ล้างเผ่าพันธุ์ชาวยิวโดยนาซี ประกอบด้วยบทสัมภาษณ์ของผู้ที่รอดชีวิตจากการสังหารหมู่ และพยานผู้รู้เห็นเหตุการณ์ที่ได้รับการบันทึกไว้มากกว่า 115,000 ชั่วโมง

แหล่งข่าว : ladbible.com

เครดิตภาพ : GETTY IMAGES