ล่าสุด “หมอยง” ศ.นพ.ยง ภู่วรวรรณ หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยาคลินิก ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ประเมินสถานการณ์ว่า การระบาดรอบใหม่ของโควิด-19 เพิ่งจะเริ่มต้น และจะสูงขึ้นตั้งแต่กลางเดือน พ.ค. ถึงจุดสูงสุดเดือน มิ.ย. จนเดือน ก.ย. จึงจะลดลงตามฤดูกาลของโรคทางเดินหายใจ ซึ่งถือเป็นเรื่องที่คนไทยจะต้องเฝ้าระวัง และเตรียมพร้อมรับมือกันอีกครั้ง
ท่ามกลางเรื่องปวดใจกับ “ค่าไฟแพง” ทำเอาคนไทยต้องปาดเหงื่อสู้เป็นแถว เพราะหากจะเลือกอยู่นอกบ้านก็เจอปัญหาฝุ่นพิษ PM 2.5 และเมื่อกลับมาที่บ้านก็เจอปัญหาค่าไฟมหาโหด ท่ามกลางอุณหภูมิที่ร้อนผ่าว จนทำเอาคนไทยกลืนไม่เข้าคายไม่ออกไปตามๆ กัน
![](https://t.dailynews.co.th/wp-content/uploads/2023/04/628781-1024x576.jpg)
ทางเลือกที่สำคัญสำหรับประชาชนในเวลานี้ คือ การใช้วาระสำคัญ ในวันที่ 14 พ.ค. ในการตัดสินใจ เลือกคนที่รัก เลือกพรรคที่ชอบ เลือกนโยบายที่ใช่ เพื่อกำหนดอนาคตของประเทศด้วยตัวเอง!
โดยบรรยากาศสังเวียนหาเสียงเลือกตั้งตอนนี้ อุณหภูมิกำลังพุ่งๆ ไม่แพ้สภาพอากาศ โดยเฉพาะการรุมถล่มนโยบายแจกเงินดิจิทัล 10,000 บาท ของพรรคเพื่อไทย ซึ่งถูกโจมตีอย่างหนักหน่วงในช่วงที่ผ่านมา พร้อมทั้งมีการ “จองกฐิน” เตรียมยื่นยุบพรรคเพื่อไทยก่อนการเลือกตั้ง กับปมร้อน เหรียญดิจิทัลส่อขัดพระราชบัญญัติเงินตรา
![](https://t.dailynews.co.th/wp-content/uploads/2023/04/1296362.jpg)
แม้ พรรคเพื่อไทย จะเรียงหน้าโต้ว่า นโยบายแจกเงินดิจิทัล ผ่านกระเป๋าเงินดิจิทัล ไม่มีผลกระทบต่อความมั่นคงของระบบการเงิน ไม่เกี่ยวกับทุนสำรองระหว่างประเทศ เพราะไม่ใช่การสร้างสกุลเงินใหม่ แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าอาจเจอลากเข้าเกมตัดตอนยุบพรรค!!!
เพราะนาทีนี้เรียกได้ว่าอะไรก็ฉุดพรรคเพื่อไทยไม่อยู่ สังเกตได้จากเรตติ้งจากผลโพลต่างๆ โดยเฉพาะโพล “เดลินิวส์ x มติชน โพลเลือกตั้ง ’66 ครั้งที่ 1” ซึ่งชี้ว่า เรตติ้งของพรรคเพื่อไทย ยังคงพุ่งสูงปรี๊ด โดยมีเสียงสนับสนุนนำมาเป็นอันดับ 1 ร้อยละ 38.89 ตามด้วยอันดับ 2 พรรคก้าวไกล ร้อยละ 32.37 และอันดับ 3 พรรครวมไทยสร้างชาติ ร้อยละ 12.84 ขณะที่เรตติ้งแคนดิเดตนายกฯ ที่ร้อนแรงที่สุดกลับเป็น พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ จากพรรคก้าวไกล ที่ได้เสียงสนับสนุนไปร้อยละ 29.42 โดยที่ “อุ๊งอิ๊ง” แพทองธาร ชินวัตร จากพรรคเพื่อไทย ตามมาติดๆ ด้วยเสียงสนับสนุนร้อยละ 23.23
![](https://t.dailynews.co.th/wp-content/uploads/2023/04/สรุปโพล-12-1-1-1024x512.jpg)
ทั้งนี้ จากการวิเคราะห์ผลโพลเลือกตั้ง 66 ของ “เดลินิวส์ X มติชน” โดย วิทยาลัยนานาชาติปรีดี พนมยงค์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ พบข้อมูลที่น่าสนใจว่า พรรคเพื่อไทย โดยมีนิยม 5 ภาค ได้แก่ ภาคเหนือ 49.83% ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 43.91% ภาคตะวันออก 43.40% ภาคกลาง 43.29% และภาคตะวันตก 41.32% ตามมาด้วยพรรคก้าวไกล ซึ่งได้อันดับที่ 2 ในทุกภูมิภาค ยกเว้นภาคใต้ ที่มีความนิยมในอันดับ 1 ที่ 36.41% ในขณะที่พรรครวมไทยสร้างชาติ ดังนั้น จึงมีข้อสังเกตว่าโอกาสที่พรรคเพื่อไทย จะได้รับความนิยมแบบแลนด์สไลด์ ยังดูจะเป็นไปได้ยาก เนื่องจากไม่มีภูมิภาคใดเลยที่ได้มากกว่า 50%
อย่างไรก็ตาม การเมืองหลังจากนี้ อะไรก็เกิดขึ้นได้ อย่างล่าสุด “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ออกมาโพสต์กำหนดท่าทีของพรรคพลังประชารัฐ ในการร่วมรัฐบาลหลังเลือกตั้งว่า “พรรคพลังประชารัฐจะจัดตั้งรัฐบาลแบบไหน อย่างไร จะร่วมกับใคร พรรคไหน” เป็นเรื่องที่ต้องรอให้ตามขั้นตอนที่เหมาะสม ด้วยเงื่อนไขเฉพาะหน้าซึ่งขึ้นอยู่กับการเจรจาอย่างรอบคอบ และต้องเป็นไปในนามมติพรรค ไม่ใช่เรื่องที่ใครคนใดคนหนึ่งจะมาประกาศตัดสิน และยังย้ำว่า พรรคพลังประชารัฐ จะตัดสินใจทุกเรื่องทุกอย่างด้วยเหตุผล ต้องร่วมกันก้าวข้ามความขัดแย้ง และขอให้เชื่อมั่นว่าจะตั้งรัฐบาลที่เป็นความหวังของประเทศอย่างดีที่สุดได้
![](https://t.dailynews.co.th/wp-content/uploads/2023/04/KUL_0115.jpg)
นอกจากนั้น “บิ๊กป้อม” ยังได้ฉายภาพธรรมชาติการเมืองไทยว่า การจัดตั้งรัฐบาลหลังเลือกตั้ง ในทางปฏิบัติจริง มีประเด็นที่ต้องมาพิจารณาซับซ้อน หลายเรื่องที่มีความสำคัญต่อการตัดสินใจ ซึ่งคนที่มีประสบการณ์การเมืองจะรู้ว่า ในการจัดตั้งรัฐบาลทุกครั้งที่ผ่านมา ล้วนมีเรื่องราวที่แปรเปลี่ยนไป ไม่เคยเป็นไปอย่างที่ประกาศไว้ในช่วงหาเสียงทั้งนั้น “นี่คือความปกติของการเมืองไทย” การเมืองไทยทุกเรื่องจึงขึ้นอยู่กับการเจรจาตามเงื่อนไขเฉพาะหน้า
เป็นการมองเกมข้ามชอตของ “พี่ใหญ่บูรพาพยัคฆ์” ส่งสัญญาณพร้อมเปิดดีลหลังเลือกตั้ง แบบ “ดีลทุกพรรค-รักทุกขั้ว”
ซึ่งงานนี้ “เสี่ยโอ๋” ชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รองหัวหน้า พปชร. ถึงกับออกมาชู “บิ๊กป้อม” เป็นนายกฯ Soft Power ในโลกแห่งความเป็นจริง ที่จะทำให้ทุกคนมาทำงานร่วมกันได้ และสามัคคีกันได้ ท่ามกลาง ความขัดแย้งทางการเมืองอย่างสุดโต่ง ทั้งฝ่ายซ้ายจัด-ขวาจัด
ขณะที่ พรรคภูมิใจไทย กลับถูกมองว่า จะจะกลายมาเป็น “ตัวแปรสำคัญ” ในการจับขั้วตั้งรัฐบาลหลังการเลือกตั้ง ซึ่งงานนี้ “เสี่ยหนู” อนุทิน ชาญวีรกูล มีการตั้งเป้ากวาด ส.ส. 80-100 ที่นั่ง ซึ่งด้วยจำนวน ส.ส.ในระดับนี้ จะทำให้ขั้วที่พรรคภูมิใจไทยเลือกจับมือ กลายเป็นขั้วการเมืองที่มีโอกาสจัดตั้งรัฐบาลได้เกือบจะ 100 เปอร์เซ็นต์ก็ว่าได้
![](https://t.dailynews.co.th/wp-content/uploads/2023/04/1281026.jpg)
ทั้งนี้ย้อนกลับไปในการจัดตั้งรัฐบาลปี 2562 จะเห็นได้ถึงการเดินเกมระหว่าง พรรคภูมิใจไทย-พรรคประชาธิปัตย์ ที่มีการปล่อยภาพการนัดกินข้าวกันก่อนจัดตั้งรัฐบาล ระหว่างคีย์แมนสำคัญทั้ง 2 พรรค ซึ่งตอนนี้ทั้ง 2 พรรค “เสี่ยต่อ” เฉลิมชัย ศรีอ่อน และ ศักดิ์สยาม ชิดชอบ ซึ่ง ณ เวลานี้ต่างก็มีการพูดคุยกันวงในว่าสัมพันธ์ยังเหมือนเดิม
ดังนั้น เกมการเมืองหลังจากนี้ คงจะต้องจับตาว่าใครได้แต้ม ส.ส.เป็นอันดับหนึ่งในการเลือกตั้งที่กำลังจะเกิดขึ้น แต่เรื่องที่จะต้องจับตาไม่แพ้กันก็คงเป็นการพลิกเกมหลังเลือกตั้ง ที่อาจจะทำให้พรรคอันดับหนึ่งไม่ได้เป็นรัฐบาล อย่างที่เคยเกิดขึ้นในการเลือกตั้งปี 2562 ซึ่งก็ขึ้นอยู่ที่การจับขั้ว ผนึกกำลังทางการเมืองของแต่ละพรรค แต่ละฝ่าย
แต่สิ่งสำคัญที่พรรคการเมือง นักการเมืองควรคำนึงถึง คือไม่ว่าจะตัดสินใจทำอะไร ขอให้ยืนอยู่บนพื้นฐานของการทำเพื่อประโยชน์ของประชาชนและประเทศชาติเป็นหลัก.