เมื่อวันที่ 20 เม.ย. ที่กระทรวงสาธารณสุข นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.สาธารณสุข (สธ.) กล่าวภายหลังการประชุมติดตามสถานการณ์โควิด-19 ว่ากรณีสายพันธุ์โควิด XBB ที่มองว่าเป็นสายพันธุ์ใหม่ เกิดการกลายพันธุ์นั้น เมื่อเราเปิดประเทศก็มีโอกาติดเชื้อสายพันธุ์นี้ แต่ทางการแพทย์บอกว่าการกลายพันธุ์ของเชื้อไวรัสต่างๆ เกิดได้ตลอดเวลา แต่วัคซีนที่ประชาชนได้รับ รวมถึงวัคซีนเข็มกระตุ้น ซึ่งเป็นวัคซีนรุ่น 2 ไบวาเลนท์ ยังคงมีประสิทธิผล ลดความรุนแรงได้ โดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยงเดิม 608 จึงขอให้ขอเชิญชวนมารับวัคซีนเข็มกระตุ้น ซึ่งจะมีการฉีดทุกปี โดยวันนี้ได้สั่งการหน่วยงานในสังกัด สธ. ให้ตั้งแผนกฉีดวัคซีนเสริมภูมิคุ้มกันโควิด ก่อนเข้าฤดูฝนในส่วนกลุ่มเสี่ยง 608 ผู้สูงอายุ ผู้มีโรคประจำตัว รวมถึงบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุข อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) โดยดำเนินการพร้อมการฉีดวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่

นายอนุทิน กล่าวอีกว่า ที่ประชุมได้มอบหมายให้เลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ไปคิดแพ็กเกจที่จะทำให้ประชาชนลดความวิตกกังวล สบายใจในการมารับวัคซีน ไม่อยากใช้คำว่า โปรโมชั่น และไม่อยากใช้คำว่า จูงใจ แต่เป็นการให้ความสะดวก ซึ่งวัคซีนที่ใช้ส่วนใหญ่เป็นวัคซีนรุ่นสองที่ได้รับการมอบจากประเทศต่างๆ ซึ่งเย็นวันนี้จะไปขอบคุณท่านทูตเยอรมนี ในการให้วัคซีนรุ่น 2 และทางอิตาลีก็แสดงความประสงค์เช่นกัน และปีนี้ไม่ต้องใช้งบประมาณในการจัดซื้อ เรามีเพียงพอ ส่วนการบริการเราก็เตรียมพร้อมหมด มีเตียง มีเวชภัณฑ์ ไม่ต้องกังวล

เมื่อถามว่ากรณี การคาดการณ์ว่าปีนี้จะระบาดทั้งไข้หวัดใหญ่และโควิด จะเตรียมพร้อมอย่างไร นายอนุทิน กล่าวว่า เตรียมพร้อมอยู่แล้ว ไข้หวัดใหญ่ก็เป็นโรคประจำถิ่น เรามียา มีวัคซีน เรามีสถานที่ตั้งจุดฉีดต่างๆ โดย สปสช. มีเหมาจ่ายฉีดวัคซีนโควิดและไข้หวัดใหญ่ มีค่าเหมาจ่ายฉีดวัคซีนสำหรับหน่วยบริการวัคซีนโควิด 40 บาท ค่าฉีดวัคซีนหวัดใหญ่ 20 บาท แต่ตนบอกว่า เมื่อโควิดเป็นโรคประจำถิ่นแล้ว ก็ควรลดให้ทั่วไป ค่าฉีดเพื่อขวัญกำลังใจให้เป็น 20 บาท ฉีด 2 เข็ม แต่ตรงนี้เป็นเรื่องของหน่วยบริการ แต่ประชาชนไม่ต้องจ่ายอะไร

เมื่อถามว่าขณะนี้บุคลากรสาธารณสุขบางส่วนตัดพ้อว่า สธ. มีสัญญาณว่าโรคโควิดและไข้หวัดใหญ่จะระบาดปีนี้ และบุคลากรก็จะต้องรับมือทำงาน ขณะที่ค่าเสี่ยงภัยยังไม่ได้รับ บางส่วนไม่อยากทำงานอีก เพราะเหมือนรัฐไม่สนใจ

“ผมไม่เชื่อหรอก เป็นการพูดไปของน้องๆ ผู้สื่อข่าวเอง ทุกวันนี้แม้ไม่มีค่าฉีดวัคซีน ก็ต้องทำงานต้องฉีดวัคซีนอยู่แล้ว แต่ตรงไหนที่เราสามารถบริหารจัดการค่าเสี่ยงภัยคนทำงานโควิดได้ ท่านปลัด สธ.ไม่เคยปล่อยผ่านไป ท่านคิดตลอดว่า เมื่อไหร่งบประมาณมา เมื่อไหร่บริหารจัดการได้ และผมไม่เชื่อว่า บุคลากรสาธารณสุขจะพูดว่า หากไม่ได้ค่าเสี่ยงภัย ไม่ได้ค่าบริการต่างๆ จะไม่ให้บริการประชาชน ไม่ใช่ที่กระทรวงสาธารณสุขแน่นอน” นายอนุทิน กล่าว

ผู้สื่อข่าวถามกรณีคนงานเมียนมาเสียชีวิตและพบติดโควิด จนอาจเกิดความเข้าใจผิดว่า เสียชีวิตจากสายพันธุ์ XBB.1.16 หรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า มีการพูดกันในที่ประชุมว่า จริงๆ การตายเพราะโควิดจะไม่ใช่เสียชีวิตกะทันหัน หรือเฉียบพลัน เพราะโควิด เป็นเรื่องของโรคระบบทางเดินหายใจ จะไม่เสียชีวิตกะทันหัน ต้องพิจารณาดีๆ เมื่อมีเหตุการณ์นี้ ทางกรมควบคุมโรคก็ไปติดตามข้อมูล ซึ่งส่วนใหญ่ แทบ 100% กลับมารายงานว่าไม่ได้เสียชีวิตจากสาเหตุของโรคโควิด จะเรียกว่า ตายด้วยโควิด ไม่ใช่ตายเพราะโควิด

“เรื่องการสวมหน้ากากอนามัย ต้องประเมินตามความเหมาะสม อย่างคนทั่วไปใส่ได้ ก็เพื่อป้องกันฝุ่น PM 2.5 ได้ในระดับหนึ่ง ถือเป็นประโยชน์ป้องกันไข้หวัดใหญ่และฝุ่นด้วย ส่วนผู้ป่วยโควิดนั้น ทางกรมการแพทย์มีไกด์ไลน์การดูแลรักษาโควิดออกมาล่าสุด มีข้อแนะนำว่า หากติดเชื้อแล้ว ถ้าลางานได้ก็ลางาน เพื่อฟื้นฟูร่างกาย 5 วัน แต่หากมีความจำเป็นต้องพบปะผู้คน ก็ใส่หน้ากาก 2 ชั้น เว้นระยะห่าง คือ ต้องดูตามบริบทและทำให้เป็นปกติ ไม่เหมือนแต่ก่อน แต่ก่อนเข้มไปหมด เพราะช่วงแรกยังไม่มีวัคซีน และภูมิคุ้มกันยังไม่ได้มากเท่านี้” นายอนุทิน กล่าว