เมื่อวันที่ 15 เม.ย. เป็นวันประกาศผลโหวต เดลินิวส์ x มติชน โพลเลือกตั้ง ’66 ครั้งที่ 1 โดย “พิธา ลิ้มเจริญรัตน์” เข้าป้ายอันดับ 1 นายกฯ ที่ใช่ ตามด้วย “อุ๊งอิ๊ง-เศรษฐา” และ “บิ๊กตู่” รั้งอันดับ 4 ส่วนพรรคที่ชอบ “เพื่อไทย” เข้าวินเป็นที่ 1 ตามด้วย ก้าวไกล-รวมไทยสร้างชาติ-ภูมิใจไทย อันดับ 2-4 ตามลำดับ

นายนิพนธ์ บุญญามณี รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และผู้อำนวยการการเลือกตั้ง พรรคประชาธิปัตย์ ให้สัมภาษณ์ถึงผลโพลเดลินิวส์-มติชน รอบแรก ที่ระบุว่า พรรคประชาธิปัตย์เป็นพรรคที่ประชาชนจะเลือกเป็นอันดับ 6 และนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ อยู่ในอันดับที่ 11 ของผู้ที่ประชาชนอยากเห็นเป็นนายกรัฐมนตรี ว่า เรารับฟังทุกผลโพลมาเป็นแนวทางเพื่อนำมาดูจุดแข็งและจุดอ่อนของเรา แต่สิ่งสำคัญคือการที่พรรคการเมืองต้องเดินหน้าลงพื้นที่ ไม่ใช่เชื่อโพลอย่างเดียวแล้วไม่ทำอะไร และที่จริง การเลือกตั้งมีอีกหลายปัจจัย ขณะที่ประชาชนในเมืองหลวงกับในต่างจังหวัดมีดุลพินิจในการเลือกตั้งที่แตกต่างกัน และการเลือกคนที่จะมาเป็นนายกรัฐมนตรีก็อยู่ที่การรวมกลุ่มพรรคการเมืองและรวมเสียง ส.ส.จากพรรคต่างๆ อีกทั้งการเข้าถึงประชาชนและการรู้จักพบหน้ากันเป็นปัจจัยที่สำคัญมากกว่าการที่แต่ละคนจะมาบอกแค่ว่าจะเลือกพรรคไหน และปัจจัยต่างๆ ในเวลานี้ยังไม่นิ่ง จึงเร็วเกินไปที่จะสรุปผล แต่ควรให้รอดูในช่วง 7-10 วันก่อนจะถึงวันเลือกตั้ง แล้วก็พอจะรู้หรือคาดคะเนได้

โหวตเลือก ‘พิธา’นายกฯที่ใช่ ‘เพื่อไทย’อันดับ 1 พรรคที่ชอบ ผลโพลเดลินิวส์xมติชน

นายตรีรัตน์ ศิริจันทโรภาส รองเลขาธิการพรรค และผู้สมัครส.ส.กทม.เขตบางกะปิ และเขตวังทองหลาง พรรคไทยสร้างไทย (ทสท.) กล่าวถึงโพลของเดลินิวส์-มติชน จากกลุ่มตัวอย่าง 84,076 คนทั่วประเทศ โดยคนที่ประชาชนอยากให้เห็นนายกรัฐมนตรี พบว่า คุญหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ แคนดิเดตนายกฯ และหัวหน้าพรรค ทสท. ได้อันดับที่ 8 คิดเป็น 1,597 คะแนน หรือ 1.9% ส่วนพรรคที่ประชาชนเลือกได้อันดับที่ 7 คิดเป็น 1,452 คะแนน หรือ 1.73% ว่า ขอขอบคุณพี่น้องประชาชนสำหรับความไว้วางใจที่มีให้พรรค ทสท. ซึ่งนำโดย คุณหญิงสุดารัตน์ แม้ว่าเป็นพรรคใหม่ แต่เต็มเปี่ยมไปด้วยนักการเมืองมากประสบการณ์ที่มีผลงานความสำเร็จมาแล้วจำนวนมาก ซึ่งเรามั่นใจหากเราได้รับความไว้วางใจจากประชาชน จะสามารถทำทุกนโยบายได้สำเร็จแน่นอน

ด้าน น.ส.นภาพร เพ็ชร์จินดา รองหัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย กล่าวถึงโพลของเดลินิวส์-มติชน จากกลุ่มตัวอย่าง 84,076 คนทั่วประเทศ โดยคนที่ประชาชนอยากให้เห็นนายกรัฐมนตรี พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรค และหัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย ได้อันดับที่ 7 คิดเป็น 1,893 คะแนน หรือ 2.25% ส่วนพรรคการเมืองที่ประชาชนเลือก ได้อันดับ 8 คิดเป็น 1,372 คะแนน หรือ 1.63% ว่า จากการลงพื้นที่ของตนเองได้พูดคุยกับพี่น้องประชาชนในหลายในกรุงเทพฯ ในหลายจังหวัดและหลายภาคในไทยนั้น ก็เป็นการทำโพลด้วยตนเองอย่างหนึ่ง ซึ่งจากการคุยกันนั้นได้กระแสการตอบรับดียิ่งขึ้นมากเมื่อเปรียบเทียบกับการลงพื้นที่เมื่อปี 62 เพราะประชาชนยังเห็นพรรคเสรีรวมไทย โดย พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ยังเป็นความหวัง เป็นที่พึ่งพิงได้ของคนไทย โดยเชื่อว่าเมื่อไรหากไม่ได้รับความยุติธรรม เสรี พึ่งได้เสมอ ดังนั้นเราจึงเชื่อมั่นใจเรายังคงลุยหาเสียงโดยเดินเท้าเข้าหาประชาชนต่อไป.

ขณะที่ นายอรรถวิชช์ สุวรรณภักดี รองหัวหน้าพรรคชาติพัฒนากล้า (ชพก.) ให้สัมภาษณ์ถึงผลโพลเดลินิวส์-มติชน รอบแรก ที่ระบุว่า นายกรณ์ จาติกวณิช หัวหน้าพรรคชาติพัฒนากล้า อยู่ในอันดับที่ 9 ของผู้ที่ประชาชนอยากเห็นเป็นนายกรัฐมนตรี และพรรคชาติพัฒนากล้าเป็นพรรคที่ประชาชนจะเลือกเป็นอันดับ 10 ว่า ผลโพลที่ออกมาแสดงให้เห็นว่าประชาชนให้ความสำคัญกับเรื่องเศรษฐกิจและปากท้อง สำหรับพรรคชาติพัฒนากล้ายังเดินหน้านำเสนอนโยบายที่เกี่ยวข้องกับการแก้ปัญหาปากท้องของประชาชน และใช้เวลาเหลืออยู่ในการประชาสัมพันธ์นโยบายของเราต่อประชาชนให้ได้มากที่สุด และทั่วถึงมากที่สุด เพราะนโยบายของเราไม่ใช่นโยบายประชานิยม แต่เป็นแนวคิดการรื้อโครงสร้างต่างๆ อาทิ โครงสร้างพลังงาน โครงสร้างอัตราดอกเบี้ย การยกเลิกแบล็กลิสต์บูโร การปรับลดภาษีบุคคลธรรมดา ซึ่งเป็นสิ่งที่เราต้องใช้เวลาในการทำความเข้าใจกับประชาชนว่าจำเป็นต้องเปลี่ยนแปลงโครงสร้างเหล่านี้ เพราะการเทน้ำลงในถังที่ผุอีกจะยิ่งเพิ่มหนี้สาธารณะ และการจะทำให้ตัวเลขจีดีพีสูงขึ้นยังมีอีกหลายทาง ไม่ได้มีแค่การอัดฉีดงบประมาณ สำหรับภาพรวมของพรรคชาติพัฒนากล้า เรามั่นใจว่าถ้าเรื่องเศรษฐกิจ ก็ต้องเป็นเรา ต้องเป็นพรรคชาติพัฒนากล้าที่มีความพร้อมมากที่สุด.