สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงวอชิงตัน ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 30 ส.ค.ว่า พล.อ.เคนเนธ แมคเคนซี ผู้บัญชาการศูนย์บัญชาการภูมิภาคกลางของกองทัพสหรัฐ ( เซนต์คอม ) แถลงว่าเครื่องบินลำเลียงซี-17 พร้อมทหารอเมริกัน เดินทางออกจากท่าอากาศยานนานาชาติฮามิด คาร์ไซ ในเขตชานกรุงคาบูล เมื่อคืนวันจันทร์ตามเวลาท้องถิ่นของอัฟกานิสถาน "พร้อมทหารอเมริกันที่ยังเหลือทั้งหมด"
ภารกิจดังกล่าวถือเป็นการสิ้นสุดการประจำการทางทหารของกองทัพสหรัฐในอัฟกานิสถาน "อย่างเป็นทางการ" หลังยกทัพเข้ามาประมาณ 1 เดือน หลังเหตุวินาศกรรม 9/11 เมื่อวันที่ 11 ก.ย. 2544 เพื่อโค่นอำนาจรัฐบาลตาลีบันและสังหารนายโอซามา บิน ลาเดน ผู้ก่อตั้งกลุ่มอัล-กออิดะห์
ขณะเดียวกัน พล.อ.แมคเคนซีเปิดเผยด้วยว่า ยังมีชาวอเมริกันตกค้างอยู่อีกประมาณ 100-200 คน ซึ่งรัฐบาลและกองทัพสหรัฐจะดำเนินการช่วยเหลืออย่างสุดความสามารถ เพื่อให้พลเมืองเหล่านี้เดินทางออกมาได้ ทั้งนี้ ตลอดระยะเวลา 17 วันของภารกิจอพยพ เครื่องบินลำเลียงและเที่ยวบินเช่าเหมาลำของสหรัฐ สามารถอพยพชาวอเมริกัน ชาวอัฟกัน และพลเมืองของประเทศพันธมิตรออกมารวมกันได้มากกว่า 123,000 คน นับเป็นการอพยพประชาชนท่ามกลางสมรภูมิครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ทางทหารของสหรัฐ
อย่างไรก็ตาม ภายในช่วงเวลานั้น กองทัพสหรัฐสูญเสียทหาร 13 นาย จากเหตุระเบิดฆ่าตัวตาย โจมตีท่าอากาศยานนานาชาติฮามิด คาร์ไซ เมื่อวันที่ 26 ส.ค.ที่ผ่านมา นับเป็นการสูญเสียกำลังพลของสหรัฐในอัฟกานิสถาน มากที่สุดในคราวเดียวในรอบ 10 ปี ตั้งแต่เหตุเฮลิคอปเตอร์ของกองทัพสหรัฐถูกยิงตก เมื่อปี 2554 ส่งผลให้ทหารอเมริกันเสียชีวิต 30 นาย ขณะที่ตลอด 2 ทศวรรษของการประจำการทหารในอัฟกานิสถาน สหรัฐสูญเสียกำลังพลมากกว่า 2,400 นาย
ด้านกลุ่มตาลีบันออกแถลงการณ์ยืนยัน ว่าทหารอเมริกันชุดสุดท้ายเดินทางออกจากอัฟกานิสถานแล้ว และนับจากนี้ อัฟกานิสถาน "เป็นเอกราชอย่างสมบูรณ์" แม้การถอนทหารของสหรัฐเสร็จก่อนเส้นตายใหม่ คือภายในวันที่ 31 ส.ค.นี้ แต่ยังช้ากว่าที่ระบุอยู่ในข้อตกลงโดฮา ซึ่งระบุกำหนดการถอนทหารไว้ภายในวันที่ 31 พ.ค.ที่ผ่านมา.
เครดิตภาพ : REUTERS