สืบเนื่องจากกรณีที่คณะพนักงานสอบสวน ได้มีการประชุมร่วมกันก่อนมีมติออกหมายเรียกในฐานะผู้ต้องหา รวมทั้งสิ้น 4 ราย ประกอบด้วย 1.นายแทนไท ณรงค์กูล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไททัน แคปปิตอล กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด 2.บริษัท ไททัน แคปปิตอล กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด ส่วนอีก 2 รายที่เหลือ เป็นผู้ร่วมให้กู้ยืมเงินแก่นายพันธ์ธวัช (นายทุน) จำนวนหลักร้อยล้านบาท โดยกำหนดระยะเวลาภายใน 15 วัน ที่ผู้ต้องหาจะต้องเดินทางเข้ารับทราบข้อกล่าวหา ฟอกเงิน และข้อหาร่วมกันจัดให้มีการเล่นการพนัน เนื่องจากพบพยานหลักฐานที่เชื่อมโยงถึงนั้น

เมื่อวันที่ 5 เม.ย. ที่ ศูนย์คดียาเสพติด ศูนย์ราชการฯ อาคารเอ ถนนแจ้งวัฒนะ กรุงเทพฯ พ.ต.ต.สุริยา สิงหกมล อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ เปิดเผยว่า ในวันจันทร์ที่ 10 เม.ย. นี้ ทางกรมสอบสวนคดีพิเศษจะมีการจัดแถลงข่าวในประเด็นที่เกี่ยวข้องทั้งหมด เพื่อให้ได้รายละเอียดข้อเท็จจริงครบถ้วน ส่วนเรื่องพฤติการณ์ของนายแทนไท ณรงค์กูล ที่เป็นเหตุให้ออกหมายเรียกในฐานะผู้ต้องหา ในข้อหาฟอกเงินและจัดให้มีการเล่นการพนันนั้น ในส่วนนี้วันจันทร์จะมีการพูดถึงรายละเอียดอย่างครบถ้วนอีกที เนื่องจากเราเพิ่งมีการออกหมายเรียกไป ต้องรอให้ผู้ต้องหาเข้าให้การรับทราบข้อกล่าวหาเรียบร้อยก่อน ไม่อย่างนั้นอาจเสียรูปคดี

พ.ต.ต.สุริยา กล่าวอีกว่า เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ได้มีการออกหมายเรียกผู้ต้องหาทั้งหมด 4 หมายจริง ประกอบด้วย 1.นายแทนไท ณรงค์กูล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไททัน แคปปิตอล กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด 2.บริษัท ไททัน แคปปิตอล กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด ส่วนอีก 2 รายที่เหลือ เป็นผู้ร่วมให้กู้ยืมเงินแก่นายพันธ์ธวัช (บรรดานายทุน) และกำหนดให้นายแทนไทเข้ารับทราบข้อหาในวันที่ 10 เม.ย. นี้ อย่างไรก็ตาม ในทุกคดีที่ดีเอสไอกำกับดูแลอยู่ในขณะนี้นั้น ทั้งคดีพิเศษที่ 288/2565 คดีพิเศษที่ 6/2566 (คดีที่เกี่ยวข้องกับนายพันธ์ธวัช นาควิสุทธิ์ หรือ นอท) หรือคดีฟอกเงินของนายปราปต์ปฎล ตนพยายามกำชับให้ดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในกลางเดือนพฤษภาคม