จากกรณีตำรวจ ปปป. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจับกุม หัวหน้าฝ่ายรายได้ สำนักงานเขตราชเทวี เรียกรับผลประโยชน์ 3.2 ล้านบาท นั้น

จ่อเด้ง ‘จนท.ระดับสูงเขตราชเทวี’ ตั้งกก.สอบวินัยร้ายแรง เรียกรับเงิน 3.2 ล้าน

งามไส้! ซ้อนแผนรวบ ‘จนท.ระดับสูงเขตราชเทวี’ เรียกรับ 3.2 ล้าน แลกไม่ต้องจ่ายภาษี

คืบหน้าเมื่อเวลา 12.00 น. วันที่ 5 มี.ค. ที่ อาคารไอราวัตพัฒนา ศาลาว่าการ กทม. ดินแดง นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวว่า ขอบคุณเจ้าหน้าที่หลายหน่วยงานสำหรับการจัดการกรณีดังกล่าว ที่ผ่านมาให้ความสำคัญ และยอมรับก่อนหน้านี้ ได้รับการประสานร้องเรียนจากบริษัทนี้เข้ามาเมื่อ 2 เดือนที่แล้วว่า มีการเรียกรับเงินจากเจ้าหน้าที่สำนักงานเขตราชเทวี ซึ่งเป็นหัวหน้าฝ่ายรายได้ของเขตฯ ซึ่งหลังรับเรื่องร้องเรียน ไม่ได้นิ่งนอนใจ ได้ดำเนินการทันที เพียงแต่ตอนนั้นยังไม่มีพยานหลักฐานที่จะดำเนินการกับบุคคลที่เกี่ยวข้องได้ในทันที อีกทั้งหากจะแก้ปัญหาโดยการย้ายไปอยู่อีกสำนักงานเขต จะถือเป็นไปสร้างวัฒนธรรมที่ไม่ดีอีกที่หนึ่ง เพราะก็คงกลับไปทำเรื่องดังกล่าวอีก ประกอบกับ กทม. ไม่มีอำนาจดำเนินการทางคดีอาญา จึงจำเป็นต้องประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่อาทิ ปปป., ป.ป.ท. และ ป.ป.ช. ให้ตรวจสอบและทำการสืบสวนในเรื่องดังกล่าว

จนกระทั่ง เมื่อวานนี้ (4 เม.ย.) มีการดำเนินการเกิดขึ้น ซึ่งถือเป็นความลับ ไม่ได้มีการแจ้ง กทม. ล่วงหน้าแต่อย่างใด กทม. จึงไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์ ดังนั้นในกรณีนี้ จะมีบุคคลอื่นในสำนักงานฯ หรือใน กทม. ตลอดจนผู้บังคับบัญชาเกี่ยวข้องด้วยหรือไม่ ตนให้เป็นหน้าที่ของตำรวจ

นายชัชชาติ กล่าวต่อว่า การดำเนินการทางวินัยของ กทม. มีขั้นตอน คือจะให้ปลัดกรุงเทพมหานคร ตั้งคณะกรรมการขึ้นมาตรวจสอบทางวินัยร้ายแรงแล้ว และจะมีการโยกย้ายเข้า มายังสำนักปลัดกรุงเทพมหานคร โดยให้มาอยู่ในส่วนของตำแหน่งที่มีการสงวนตำแหน่งว่าง เพื่อย้ายข้าราชการกรุงเทพมหานครสามัญ จำนวน 20 ตำแหน่ง ในระหว่างที่รอการตรวจสอบ โดยไม่ได้รับเงินเดือน ขณะเดียวกัน เรื่องการทุจริตการจัดเก็บรายได้พบเป็นครั้งแรก แต่ก่อนหน้านี้พบแต่การทุจริตในฝ่ายโยธามากกว่า

ทั้งนี้ ตั้งแต่รับเลือกเป็นผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครมา ได้มีการกำชับเรื่องนี้ โดยเฉพาะสำนักงานเขตราชเทวี เป็นหนึ่งในสำนักงานที่มีการตักเตือน เรื่องการทุจริตภายในองค์กร เนื่องจากว่าไม่ได้มีผลกระทบเพียงผู้กระทำเพียงคนเดียว แต่ยังกระทบต่อองค์กร และเดือดร้อนถึงบุคคลในครอบครัว ซึ่งเรื่องแบบนี้ตนสงสารคนในครอบครัวมากกว่าผู้กระทำผิด

ส่วนเรื่องดังกล่าว เป็นเหตุให้เขตราชเทวี จัดเก็บภาษีได้น้อยไม่ติดอันดับ 1 ใน 4 หรือไม่นั้น นายชัชชาติ กล่าวว่า ต้องกลับไปตรวจสอบอีกครั้ง เนื่องจากเป็นพื้นที่ในเมือง พื้นที่เต็มหมดแล้ว ไม่มีการก่อสร้างอาคารใหม่เกิดขึ้น ดังนั้นการจัดเก็บภาษีจึงเป็นเรตของอาคารเก่า แต่เพื่อความชัดเจน คงต้องเข้าไปดำเนินการตรวจสอบในเรื่องนี้ด้วย

นายชัชชาติ ยังฝากเตือนไปยังสำนักงานเขตพื้นที่อื่นๆ ว่า กทม. เอาจริงเอาจังในการปราบปรามทุจริต เคสนี้จึงเป็นเคสตัวอย่าง ไม่ถึงกับการเชือดไก่ให้ลิงดู แต่อยากให้ข้าราชการทุกคนตระหนักว่า “ต้องมือสะอาด”