เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 29 มี.ค. ที่พรรคภูมิใจไทย นายศุภชัย ใจสมุทร อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อ นายทะเบียนพรรคภูมิใจไทย แถลงถึงการจัดทำไพรมารีโหวตผู้สมัคร ส.ส.ของพรรคในการเลือกตั้ง ทั้ง ส.ส.แบบระบบเขต และ ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อ ว่าในส่วนของรายชื่อผู้สมัคร ส.ส.แบบแบ่งเขต ทั้ง 400 เขต ขณะนี้ดำเนินการไปแล้วกว่า 90% ซึ่งขั้นต่อจากนี้จะส่งให้คณะกรรมการสรรหา พิจารณาแล้วสรุปส่งต่อเสนอไปยังคณะกรรมการบริหารพรรคไม่เกินวันที่ 31 มี.ค. ขณะนี้ รายชื่อผู้เสนอตัวเป็นผู้สมัคร ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ ของพรรคล่าสุดได้ ครบ 100 คน โดยลำดับที่ 1 คือ นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรค ลำดับที่ 2 คือ นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ เลขาธิการพรรค ส่วนที่เหลืออีก 98 คน ใช้รูปแบบการเรียงลำดับตัวอักษร หลังจากนี้จะเข้ากระบวนการส่งให้คณะกรรมการสรรหา และคณะกรรมการบริหารพรรคตามลำดับ เพื่อพิจารณาเรียงลำดับผู้สมัครตั้งแต่หมายเลข 3-100 ต่อไป ซึ่งต้องเสร็จก่อนวันที่ 3 เม.ย. 66

สำหรับวันรับสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.แบบแบ่งเขต ผู้สมัคร ส.ส.ของพรรคภูมิใจไทย จะไปยื่นสมัครในวันที่ 3 เม.ย. 66 ส่วนวันรับสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ ในวันที่ 4 เม.ย. 66 ที่ห้องบางกอก อาคารไอราวัตพัฒนา ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร แขวงดินแดง เขตดินแดง กทม. นายอนุทินจะนำทีมไปสมัครด้วยตัวเองและจับสลากหมายเลขผู้สมัคร

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับรายชื่อผู้เสนอตัวเป็น ส.ส.บัญชีรายชื่อ ของพรรคภูมิใจไทย มีบุคคลที่น่าสนใจ อาทิ น.ส.ชนม์ทิดา อัศวเหม นายศุภชัย ใจสมุทร นายทรงศักดิ์ ทองศรี นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ น.ส.ศุภมาส อิศรภักดี นายสรอรรถ กลิ่นประทุม นายสวาป เผ่าประทาน นายสุชาติ โชคชัยวัฒนากร นายสุพล ฟองงาม นายองอาจ ปัญญาชาติรักษ์ น.ส.อนุสรี ทับสุวรรณ นายอารี ไกรนรา นายภิญโญ นิโรจน์ นายนัจมุดดีน อูมา นางนันทนา สงฆ์ประภา นายบุญดำรง ประเสริฐโสภา น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล นายสามารถ แก้วมีชัย นายชลัฐ รัชกิจประการ นายกิตติชัย เอ่งฉ้วน นายพิกิฎ ศรีชนะ นายมารุต มัสยวาณิช น.ส.เรวดี รัศมิทัต นายวิรัช พันธุมะผล เป็นต้น

นายศุภชัย ยังแถลงว่า จากที่ผลการเสวนาของพรรคภูมิใจไทย เรื่อง “ทิศทางกฎหมายกัญชาเพื่อสุขภาพ และการแพทย์หลังการเลือกตั้ง” เมื่อวันที่ 24 มี.ค. ที่ผ่านมา เพื่อเป็นการแสดงจุดยืนที่จะให้มีกฎหมายเฉพาะมาคุ้มครอง เพื่อการแพทย์ สุขภาพ และเศรษฐกิจ จึงจำเป็นต้องมีการผลักดันกฎหมายต่อไป โดยทางภาคประชาชนจะมีการรณรงค์พร้อมล่ารายชื่อในทุกภาค ทั้งจากในพื้นที่จริงและทางระบบออนไลน์ เพื่อแสดงจุดยืนดังกล่าว นอกจากนี้ ภาคประชาชนจะมีการจัดสัมมนา ในทุกภูมิภาคทั่วประเทศ ในช่วงเวลาที่เหมาะสมต่อไป อย่างไรก็ตาม ในช่วงเวลานี้ที่มีกลุ่มบุคคลออกมาเคลื่อนไหว ต่อต้าน คัดค้านเรื่องกัญชา รวมถึงจะนำกลับไปเป็นยาเสพติด โดยขาดความรู้และความเข้าใจ ทำให้ส่งผลกระทบต่อความรู้สึกของประชาชน ที่ยังเห็นว่ากัญชาสามารถเป็นประโยชน์ทางการแพทย์ จึงเป็นเหตุผลสำคัญในการรวมตัวของภาคประชาชนทุกภาคส่วน