จากกรณีที่คณะกรรมการโอลิมปิกสากล (ไอโอซี) ได้ใช้อำนาจในการเป็นเจ้าของสิทธิการจัดการแข่งัขนกีฬาโอลิมปิกเกมส์ มีคำสั่งให้คณะทำงานของไอโอซี ดำเนินการในกระบวนการคัดเลือกนักกีฬา และจัดการแข่งขันกีฬามวยสากลสมัครเล่น ในศึกโอลิมปิกเกมส์ 2024 ที่กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส จะเป็นเจ้าภาพในปีหน้า แทน สหพันธ์มวยสากลนานาชาติ (ไอบ้า) เนื่องจากกรณีการขัดแย้งในการดำเนินการต่างๆ ของไอบ้า ที่ยังไม่ได้ดำเนินการ โดยเฉพาะการบริหารในองค์กรให้เป็นไปตามที่ ไอโอซี แนะนำนั้น

กรณีดังกล่าว ถือเป็นโอลิมปิกเกมส์ ครั้งที่ 2 ที่ ไอโอซี ใช้อำนาจในการดึงการจัดการแข่งขันมวยสากลสมัครเล่น ในโอลิมปิกเกมส์ กลับมาดูแลเอง หลังจากครั้งแรก ดำเนินการมาแล้วในโอลิมปิกเกมส์ 2020 ที่กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น

อย่างไรก็ตาม การดำเนินการจัดการของไอโอซี ใน “โตเกียวเกมส์ 2020” นั้น จะเชิญผู้ตัดสินหรือผู้ชี้ขาด จากไอบ้า ให้เสนอตัว และไอโอซี จะพิจารณาคัดเลือกจากที่เสนอตัว เพื่อให้มีส่วนร่วมในการทำหน้าที่ในการแข่งเพื่อคัดเลือก และแข่งขันในโอลิมปิกเกมส์ 2020

ขณะที่ ในโอลิมปิกเกมส์ 2024 ที่จะมีขึ้นที่กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส ครั้งนี้ ไอโอซี ก็ได้ขอให้ทางผู้ตัดสินหรือผู้ชี้ขาด ของไอบ้า ให้เสนอตัวเช่นเดิม แต่ปรากฏว่า เมื่อวันที่ 16 มี.ค. 66 ทาง ไอบ้า ได้แจ้งหนังสือต่อผู้ตัดสินหรือผู้ชี้ขาด ของไอบ้า ระบุว่า หากผู้ตัดสินหรือผู้ชี้ขาดของไอบ้า ไปร่วมงานกับไอโอซี จะเป็นการผิดกฎ เนื่องจากไอบ้า ไม่ใช่เป็นผู้ดำเนินการ โดยหนังสือนั้น ระบุถึงความผิด หากว่าคนของไอบ้า ไปร่วมดำเนินการกับไอโอซี

ทั้งนี้ หลังจากที่ไอบ้า ได้หนังสือห้ามออกมาแล้วนั้น ทำให้เกิดการวิพากษ์วิจารณ์ในหมู่ผู้ตัดสินหรือผู้ชี้ขาด ของไอบ้า ที่ระบุถึงเหตุผลการห้ามนั้น ไม่ควรที่จะเกิดขึ้นในวงการกีฬา ที่ทั้ง ไอโอซี กับ ไอบ้า ต่างก็ร่วมกันทำงานกันมาโดยตลอด การทำลักษณะนี้จะเป็นการ “แยกทาง” กัน ระหว่าง 2 องค์กรกีฬา ที่ชัดเจน จึงมีความเคลื่อนไหวในกลุ่มที่ไม่เห็นด้วยอย่างมาก เพราะมองว่าความขัดแย้งเป็นเรื่องส่วนบุคคล ขณะที่ งานกีฬาที่เกี่ยวกับเรื่องปฏิบัติการ ไม่ควรเกี่ยวข้องและควรเกื้อหนุนกัน ดั่งเช่นโอลิมปิกเกมส์ 2020 ที่ได้ดำเนินการช่วยกัน และโดยผลกระทบนั้น เกิดขึ้นทั้งผู้ตัดสินหรือผู้ชี้ขาดของไทย และทุกชาติที่อยู่ในสังกัดของไอบ้า ที่ไม่สามารถที่จะร่วมเสนอตัวได้ หากยังอยู่ในสังกัดของไอบ้า

ในประเด็นนี้ แหล่งข่าวที่เชื่อถือได้เปิดเผยด้วยความลำบากใจ ว่า ในความลำบากใจในจุดยืนการทำหน้าที่ของฝ่ายปฏิบัติงาน และการที่จะต้องอยู่ภายใต้สังกัดของไอบ้า ที่นำเอาความขัดแย้งมาดำเนินการร่วมโดยไม่ควรนี้ จะมีผู้ตัดสินหรือผู้ชี้ขาดของไอบ้า ลาออกจากการทำหน้าที่ในสังกัดของไอบ้า เพื่อร่วมเสนอตัวเข้าสู่การคัดเลือกของไอโอซี เพื่อไปทำหน้าที่ในการร่วมช่วยในการคัดเลือกและแข่งขันโอลิมปิกเกมส์ 2024 เพื่อไม่ให้ใช้ในวงจรของความขัดแย้งนี้

ขณะที่ ผู้ที่มีส่วนสำคัญชาวไทยอีกหนึ่งคนคือ “อ.เค้ก” รศ.ดร.ไพบูลย์ ศรีชัยสวัสดิ์ ประธานคณะกรรมการ ผู้ชี้ขาดและผู้ตัดสินของสหพันธ์มวยสากลนานาชาติ ที่ถือเป็นคนไทยคนแรก ที่ได้รับเกียรติในการแต่งตั้งในระดับสูงสุดของเส้นทางผู้ตัดสินของไอบ้า โดยได้รับการแต่งตั้งเมื่อวันที่ 30 ก.ย. 65

ผู้สื่อข่าวก็ได้รับรายงานมาว่า ได้มีการแสดงจุดยืนของตนเองต่อฝ่ายที่เกี่ยวข้องในไอบ้า โดยเฉพาะการพยายามที่จะเสนอให้ไอบ้า มองภาพของมิตรภาพในปรัชญากีฬา ที่มีมาต่อเนื่องและมีการยึดถือมายาวนาน พร้อมทั้งให้มองถึงผลที่จะเกิดขึ้น หากผู้ตัดสินหรือผู้ชี้ขาดของไอบ้า ไม่ไปช่วยทำหน้าที่นี้กับคณะทำงานของไอโอซี

อย่างไรก็ตาม ในการประชุมของไอบ้า เมื่อวันที่ 26 มี.ค. 66 ที่ผ่านมา ที่อินเดีย ปรากฏว่า ไม่มีการแก้ไขในคำสั่งไอบ้า “อ.เค้ก” จึงได้หันหลังให้กับตำแหน่งประธานคณะกรรมการผู้ชี้ขาดและผู้ตัดสินของไอบ้า แน่นอนแล้ว จากที่ได้ปรึกษาหารือกับผู้ใหญ่ที่เกี่ยวข้อง และเคารพนับถือในวงการกีฬาของไทย มาต่อเนื่องจากกรณีดังกล่าว