เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 29 ส.ค. ร.ต.อ.อธิพงศ์ ฉิมวาส รอง สวป.สภ.สวี จ.ชุมพร และ ส.ต.ต.ภูริพัฒน์ รักษาพราหมณ์ ผบ.หมู่ป.สภ.สวี ร่วมกันควบคุมตัว นายพิศิษฐ์ (สงวนนามสกุล) อายุ 32 ปี ชาว อ.สวี จ.ชุมพร ส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดี สภาพถูกคล้องกุญแจมือ เสื้อผ้าและใบหน้ามีเลือดติดแห้งกรังจำนวนมาก หลังก่อเหตุบุกแทง นายสมชาย พรหมชัย อายุ 40 ปี ผู้ใหญ่บ้าน หมู่ 10 ต.ท่าหิน บาดเจ็บ เหตุเกิดหน้าบ้านพักแห่งหนึ่งพื้นที่ หมู่ 10 ต.ท่าหิน อ.สวี จ.ชุมพร
สอบถามเจ้าของบ้านเบื้องต้นเล่าว่า ก่อนเกิดเหตุขณะกำลังนั่งดื่มกาแฟกัน 3 คน รวมทั้งผู้ใหญ่บ้านผู้บาดเจ็บ โดยพูดคุยเรื่องสถานการณ์บ้านเมืองทั่วไปตามประสาชาวสภากาแฟ อยู่ๆ นายพิศิษฐ์ ที่มีบ้านพักอยู่ห่างจากบ้านเกิดเหตุประมาณ 800 เมตร ได้ขี่รถจักรยานยนต์มาจอดหน้าบ้าน ก่อนเดินปรี่เข้ามาไม่พูดพร่ำทำเพลง ชักมีดที่พกติดตัวมาแทงผู้ใหญ่บ้าน เจ้าตัวพยายามหลบถูกมีดแทงเข้าต้นแขนซ้ายทะลุ จึงช่วยกันกอดรัดฟัดเหวี่ยงจับตัว นายพิศิษฐ์ ไว้ได้ก่อนรีบนำตัวผู้ใหญ่บ้านส่ง รพ.สวี และแจ้งตำรวจมารับตัวไปดำเนินคดี เบื้องต้น นายพิศิษฐ์ อ้างเพียงว่า ถูกผู้ใหญ่บ้านใช้ปืนมายิงก่อน 1-2 ครั้ง ทั้งที่ไม่เคยมีเรื่องกันมาก่อนจึงขี่รถจักรยานยนต์ออกตามหาและก่อเหตุดังกล่าว
ต่อมา มีมารดาผู้ต้องหา อายุ 69 ปี และพี่ชาย อายุ 46 ปี เดินทางมาที่ สภ.สวี เพื่อสอบถามเรื่องราวที่เกิดขึ้น โดยแม่ผู้ก่อเหตุ เล่าว่า ที่บ้านอยู่กับลูกชายเพียง 2 คน มีอาชีพทำสวนมะพร้าวและสวนปาล์ม ภายหลังทราบเรื่องแล้วก็อยากให้ตำรวจดำเนินคดีกับลูกชายตนให้ถึงที่สุด เพราะไม่อยากทนกับพฤติกรรมสร้างความเดือดร้อนให้อยู่เป็นประจำ โดยเมื่อปีก่อนตนเกือบตายมาแล้วครั้งหนึ่งเนื่องจากถูกลูกชายคนนี้บีบคอเกือบเอาชีวิตไม่รอด และชอบทำลายสิ่งของในบ้านเสียหายเป็นประจำ สาเหตุอาจเป็นเพราะเคยเสพยาเสพติดมาก่อนแต่ปัจจุบันไม่รู้ว่ายังเสพหรือไม่ ล่าสุดเมื่อวันก่อนเพิ่งจะไปหาเรื่องขว้างปาหลังคาบ้านพี่ชายตัวเอง พี่ชายไม่เอาเรื่องเพราะเห็นว่าน้องชายจิตไม่ปกติ กระทั่งมาก่อเหตุครั้งนี้ซึ่งตนไม่เชื่อคำให้การของลูกชายที่กล่าวหาผู้ใหญ่บ้านว่าไปยิงปืนที่บ้านตนก่อนเพราะผู้ใหญ่บ้านเป็นคนดี ช่วยเหลือทุกอย่างแม้กระทั่งยังเคยพาลูกชายตนที่ก่อเหตุไปซื้อรถจักรยานยนต์ด้วยกัน อีกอย่างครอบครัวตนและผู้ใหญ่ก็เป็นเหมือนญาติกัน การที่ลูกชายพูดไปอาจเป็นเพราะประสาทหลอนมากกว่า
นายสมชาย ผู้ใหญ่บ้าน กล่าวว่า เหตุการณ์ดังกล่าวตนไม่ได้มีความขัดแย้งส่วนตัวหรือโกรธเคืองกันมาก่อนอีกอย่างครอบครัวของนายพิศิษฐ์ ก็สนิทเปรียบเหมือนเป็นเครือญาติกัน ส่วนสาเหตุที่ผู้ก่อเหตุทำไปเพราะจิตอาจจะไม่ปกติอย่างที่มารดาผู้ก่อเหตุเล่าให้ฟังมากกว่าเพราะเรื่องจะไปยิงปืนข่มขู่หรืออย่างไรยิ่งเป็นไปไม่ได้เพราะตนไม่มีปืน เบื้องต้นเจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างสอบปากคำทั้งสองอย่างละเอียด พร้อมนำตัวนายพิศิษฐ์ ไปตรวจหาสารเสพติดเป็นหลักฐานประกอบสำนวนคดีก่อนแจ้งข้อกล่าวตามขั้นตอนกฎหมายต่อไป