ประเทศไทยเดินหน้าเข้าสู่โหมดเลือกตั้งอย่างเต็มรูปแบบ รอเพียงแค่…พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม จะประกาศวัน “ยุบสภา” ที่ชัดเจน ที่ปฏิเสธไม่ได้ว่าบรรดาคอการเมือง ต่างนั่งรอนอนรอกันอย่างใจจดใจจ่อ เพื่อจะได้นับถอยหลังเข้าสู่การเลือกตั้ง ปี 66 อย่างจริงจังเสียที

แม้ว่าวันนี้ สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง หรือ กกต.จะเคาะแบ่งการเลือกตั้งทั้ง 400 เขต 77 จังหวัด ไปแล้ว แต่เสียงเรียกร้อง เสียงทักท้วงว่า ไม่ถูกต้อง ไม่เป็นธรรม ไม่ถูกกฎหมาย ก็ระงมกันเซ็งแซ่ เพราะเกิดการได้เปรียบ เสียเปรียบ จนกลายเป็นกระแสว่าเป็น “เกม” ที่จะทำให้เกิดการลากยาว หรือไม่

เอาเป็นว่า เวลานี้ ยังไม่มีคำตอบ แต่ตามขั้นตอนและตามกฎหมาย หลังจากมีพระราชกฤษฎีกายุบสภาที่ชัดเจนแล้ว “วันเลือกตั้ง” จะเกิดขึ้นภายใน 45-60 วันนับตั้งแต่ยุบสภา ซึ่งคาดว่าจะเป็นวันที่ 7 พ.ค. หรือ 14 พ.ค. 66 นั่นเอง !!

ณ เวลานี้ หลายฝ่ายเองต่างก็ต้องการให้มีการ “รีเซต” ทางการเมืองกันใหม่ เพื่อให้เกิดการเดินหน้า ไม่ว่าจะเป็นทางเดิมหรือทางใหม่ก็ตาม แต่ทั้งหมดก็ต้องการให้คณะผู้บริหารประเทศสามารถฝ่าฟัน “พายุเศรษฐกิจ” ออกไปให้ได้ โดยวันนี้ “ทีมเศรษฐกิจ เดลินิวส์” ได้รวบรวมความเห็นของบรรดาภาคเอกชน กับความหวัง ความฝัน กับรัฐบาลใหม่ นายกรัฐมนตรีคนใหม่ เพื่อสะท้อนถึง “ผู้มาใหม่”

อยากได้คนรุ่นใหม่

เริ่มจาก… คนหนุ่มรุ่นใหม่ไฟแรงอย่าง “ภาวุธ พงษ์วิทยภานุ” ที่ปรึกษาและนายกกิตติมศักดิ์สมาคมผู้ประกอบการพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ไทย (สมาคมอีคอมเมิร์ซไทย) และกรรมการผู้จัดการและผู้ก่อตั้งเว็บไซต์ ตลาดดอทคอม (TARAD.com) บอกว่า โดยส่วนตัวแล้วอยากได้นายกรัฐมนตรี ที่อายุไม่เกิน 50 ปี หรือเป็นคนรุ่นใหม่ เพราะคิดว่าคนรุ่นใหม่จะมีความรู้และมุมมองด้านเทคโนโลยี เป็นคนใช้เทคโนโลยีในชีวิตประจำวันจริง ๆ เวลาบริหารประเทศเชื่อว่าจะนำเครื่องมือเหล่านี้มาใช้ช่วยบริหารให้มีประสิทธิภาพ และเป็นคนรับฟังความคิดเห็นจากทุกภาคส่วน พร้อมผลักดันให้ประเทศเติบโต และมีมุมมองในระดับโลก ภาษาต้องได้ เพื่อพร้อมพาประเทศไทยก้าวสู่เวทีระดับโลก

สำหรับรัฐบาลใหม่ ไม่ว่าจะเป็นพรรคใดก็ตาม อยากให้มีคนรุ่นใหม่เข้าไปเป็นผู้บริหารมากขึ้น เพื่อทำอะไรใหม่ ๆ ไม่ใช่เล่นการเมืองแบบเดิม ซึ่งปัจจุบันมีคนรุ่นใหม่เข้ามาในทุกพรรค แต่คนกลุ่มนี้จะมีอำนาจในการตัดสินใจ หรือมีสิทธิมีเสียงในพรรคหรือไม่ หรือต้องเดินตามคนรุ่นเก่าเหมือนเดิม

Free photo cyber monday shopping sales

อย่างไรก็ตาม… สิ่งที่อยากให้รัฐบาลใหม่เร่งทำ คือ เรื่องการขาดดุลดิจิทัล เพราะไทยขาดดุลด้านนี้จำนวนมาก แต่ไม่เคยถูกนำมาคำนวณในผลผลิตมวลรวมในประเทศ หรือ จีดีพี ทั้งที่ในปัจจุบันคนไทยซื้อสินค้าดิจิทัล บริการออนไลน์มากมาย ทั้งการดาวน์โหลดคอนเทนต์ จ่ายค่าบริการต่าง ๆ ให้บริษัทต่างชาติ ทำให้เงินไหลออกไปจำนวนมาก ซึ่งมากกว่าการนำเข้าน้ำมันด้วยซ้ำ และอีกหนึ่งเรื่องคือ การเร่งเศรษฐกิจด้วยกลุ่มคนรุ่นใหม่ หรือ เรียกว่า นักรบดิจิทัล“ จะสร้างคนกลุ่มนี้อย่างไรให้เป็นผู้นำสินค้าของไทยออกไปขายในต่างประเทศได้ โดยภาครัฐต้องประสานกับประเทศต่าง ๆ เพื่อช่วยเชื่อมโยง

ต้องมองการณ์ไกล

อารักษ์ พรประภา ชีวิตนี้ อุทิศให้ ความปลอดภัยของ “คนไทย” - Ramindhra UHU

หันมาที่ผู้คร่ำหวอดในแวดวงรถจักรยานยนต์ “อารักษ์ พรประภา” รองประธานกรรมการบริหาร บริษัท ไทยฮอนด้า จำกัด ที่ขอให้ความเห็นเป็นการ “ส่วนตัว” โดยมองว่า ตอนนี้เป็นช่วงหาเสียงของพรรคการเมือง ได้เร่งนำเสนอนโยบายขายฝัน หากได้เป็นรัฐบาลแล้วฝันนั้นจะเป็นจริงหรือไม่ ก็ต้องรอดูกันต่อไป รัฐบาลที่อยากได้ ต้องการให้สามารถดำเนินนโยบายแบบจริงจัง เร่งพลิกฟื้นนำทรัพยากรของประเทศที่มีเพิ่มมูลค่า เช่น เรื่องการท่องเที่ยว เพราะเวลานี้ต้องยอมรับว่าสถานที่ท่องเที่ยวในประเทศไทยไม่แพ้ใครในโลกเลยทีเดียวก็ว่าได้ หากรัฐบาลสามารถดำเนินการในเรื่องนี้ให้ดีที่สุด ให้มียุทธศาสตร์ มีเป้าหมาย ก็สามารถทำรายได้ได้ไม่น้อยทีเดียว

ที่สำคัญ!! อย่ามัวแต่ไปมุ่งที่จะนำของ หรือนำตัวอย่างจากคนอื่น จากประเทศอื่นมาทำ เพราะแต่ละชาติแต่ละประเทศก็มีความแตกต่าง มีพื้นฐานที่ต่างกัน การเลียนแบบถือว่าไม่ถูกต้อง แต่ต้องเฟ้นหาเอกลักษณ์ของตัวเองเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มให้ได้มากที่สุด ขณะเดียวกัน จำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องฟื้นฟูภาวะทางสังคมให้อยู่ร่วมกันได้อย่างสันติและมีความสุขกันทุกคน ใครที่อยู่ในประเทศนี้ต้องได้รับความสุขกันถ้วนหน้า

สำหรับตัวนายกรัฐมนตรี ในฐานะที่เป็นผู้นำรัฐบาลที่แท้จริง เป็นหน้าเป็นตาของประเทศ ก็หนีไม่ได้ที่ต้องมีความรอบรู้ มีบุคลิกที่ดี เป็นผู้มองการณ์ไกล มีความประนีประนอม ขณะเดียวกันก็ต้องมีความเด็ดขาด ซึ่งต้องยอมรับว่า…ผู้นำในรัฐบาลก่อน ๆ ก็มีบุคลิกแบบนี้ ซึ่งทำให้การบริหารจัดการทำได้คล่องตัวมากขึ้น

รัฐบาลใหม่ต้องโฟกัส 2 เรื่อง

'นักเศรษฐกิจศาสตร์'คาดแบงก์ชาติ คงดอกเบี้ยยาว3ปีหนุนไทยฟื้นตัว | เดลินิวส์

ขณะที่นักเศรษฐศาสตร์อย่าง “ทิม ลีฬหะพันธุ์” นักเศรษฐศาสตร์ ธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด (ไทย) ชี้ให้เห็นว่า ต้องการนายกรัฐมนตรีที่เอาจริงเอาจังในด้านเศรษฐกิจ โดยรัฐบาลชุดใหม่จะต้องโฟกัสเรื่องหลัก 2 เรื่อง ท่ามกลางเศรษฐกิจที่มีความไม่แน่นอนสูง โดยต้องให้ความสำคัญกับการบริโภคในประเทศและภาคการท่องเที่ยวที่กำลังฟื้นตัว ซึ่งทั้ง 2 เรื่องจะเป็นตัวหลักเพราะเป็นตัวขับเคลื่อนช่วงที่ฟื้นตัว น่าจะทำให้แข็งแรง และเป็นตัวขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยให้ฟื้นตัวได้ท่ามกลางความไม่แน่นอนของโลกค่อนข้างมาก

ตอนนี้ต้องจับตาดูว่าแคมเปญพรรคต่าง ๆ หลายนโยบายที่หาเสียงกันในตอนนี้ กำลังดูว่านโยบายที่ได้ยินได้ฟัง พรรคไหนจะได้เข้ามาทำหน้าที่บริหารประเทศ เป็นรัฐบาลชุดใหม่บ้าง และมีพรรคไหนสามารถสานต่อนโยบายที่ตนเองได้ทำการหาเสียงไว้ให้เกิดขึ้นจริง และอีกมุมพรรคที่จะได้เป็นรัฐบาลจะมีนโยบายหาเสียงอยู่จำนวนมาก พรรคนั้นจะไล่เรียงลำดับตามความสำคัญอย่างไร จะเลือกทำทั้งหมด หรือเลือกทำอะไรก่อนในช่วงนี้เป็นสิ่งที่ต้องติดตาม

สองเรื่องหลักที่โฟกัสรัฐบาลชุดใหม่ ท่ามกลางเศรษฐกิจมีความไม่แน่นอน เราอาจต้องให้ความสำคัญกับการบริโภคในประเทศและการท่องเที่ยว เป็นสองเรื่องหลักเพราะเป็นตัวขับเคลื่อนช่วงฟื้นตัว เราเห็นแคมเปญพรรคต่าง ๆ หลายนโยบายหาเสียงกำลังดูว่านโยบายที่ได้ยินพรรคไหนทำได้จริง และพรรคไหนที่มีนโยบายหาเสียงเยอะ จะเลือกทำนโยบายอะไรก่อน”

แก้แรงงาน-ราคาเกษตร-ขนส่งราง

Focus China สัมภาษณ์พิเศษ นายณรงค์ศักดิ์ พุทธพรมงคล  ประธานกรรมการหอการค้าไทย-จีน | Focus China สัมภาษณ์พิเศษ นายณรงค์ศักดิ์  พุทธพรมงคล ประธานกรรมการหอการค้าไทย-จีน | By China Face | Facebook

ส่วนผู้ที่ทำการค้าขาย “ณรงค์ศักดิ์ พุทธพรมงคล” ประธานกรรมการหอการค้าไทย-จีน ระบุว่า มั่นใจว่าสถานการณ์ของไทยเมื่อมีการจัดตั้งรัฐบาลภายหลังการเลือกตั้งไม่ว่าจะเป็นพรรคไหนได้เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล หอการค้าไทย จีน พร้อมทำงานร่วมกับทุกรัฐบาล ไม่คาดหวังว่าต้องมาจากพรรคการเมืองใด แต่ขอให้มีนโยบายมุ่งเน้นการพัฒนาประเทศชาติให้มีความเจริญรุ่งเรือง เราพร้อมสนับสนุนทุกพรรคอยู่แล้ว

รายได้ของประเทศในวันนี้ ส่วนใหญ่มาจากอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวที่ถือเป็นจุดเด่นของเรา ดังนั้น พรรคไหนที่เข้ามาเป็นรัฐบาลจะต้องเร่งวางนโยบาย เพื่อดึงให้ต่างชาติมาลงทุนในประเทศไทยให้มากที่สุด เพราะเป็นเช็กเตอร์ที่สามารถสร้างรายได้ให้กับประเทศ รวมทั้งต้องเตรียมพร้อมเรื่องแรงงานให้เพียงพอกับการขยายการลงทุนที่จะเกิดขึ้น ระยะสั้นการสร้างเศรษฐกิจให้เดินหน้าควรกระตุ้นการท่องเที่ยว โดยเฉพาะการทำตลาดจีน ขณะเดียวกันต้องเข้าไปส่งเสริมพืชผลทางการเกษตร ให้สามารถส่งออกให้กับต่างประเทศให้ได้มากที่สุดด้วย ปัจจัยเหล่านี้เป็นสิ่งสำคัญในการกระตุ้นเศรษฐกิจ รวมทั้งเรื่องของการขนส่งระบบราง ที่เป็นปัจจัยที่สำคัญมากในการค้าระหว่างไทยกับจีน เพียงแค่รัฐบาลมีนโยบายที่ชัดเจนในเรื่องการลงทุนระบบรางเชื่อมต่อ ไทย สปป.ลาว และประเทศจีน ทุกอย่างก็จะดีขึ้น

ส่วนรัฐบาลก็ควรเป็นรัฐบาลที่ถูกตรวจสอบได้จากฝ่ายค้านอย่างเต็มที่ เพราะปัญหาคอร์รัปชั่นหรือปัญหาทุจริตเชิงนโยบาย บางครั้งที่เกิดขึ้นได้ง่าย เพราะระบบการตรวจสอบจากฝั่งตรงข้ามมันอ่อนแอ รัฐบาลที่เข้ามาบริหารประเทศควรจัดสรรงบประมาณให้เกิดประโยชน์สูงสุดกับประชาชน ระบบควรถูกตรวจสอบได้ ต้องยอมรับว่าปัจจุบันปัญหาประเทศไทยมีมากมาย แต่เมื่อรัฐบาลเข้ามาบริหารต้องแบ่งปัญหาที่เป็นอยู่ให้ได้ว่า เรื่องไหนจำเป็น เรื่องไหนสำคัญ เรื่องไหนเร่งด่วน ยกตัวอย่าง เรื่องฝุ่นพีเอ็ม 2.5 เป็นเรื่องเร่งด่วนต้องทำก่อน การปราบปรามยาเสพติด การพนัน เป็นเรื่องจำเป็น ควรทำทุกยุคสมัย ส่วนเรื่องสำคัญ คือการพัฒนาคุณภาพชีวิตประชากร ระบบสาธารณสุขต่าง ๆ ประเทศเราจะพัฒนาให้ดีได้ คุณภาพชีวิตประชาชนต้องมาก่อน รัฐบาลต้องจัดสรรสิ่งที่เอื้อกับการเป็นอยู่ที่ดีของประชาชนก่อน นั่นคือสิ่งที่ผมอยากเห็นภายหลังการจัดตั้งรัฐบาล

เห็นแก่ชาติรัฐบาลไม่โกง

ด้านผู้บริหารหนุ่มไฟแรงรุ่นใหม่ อย่าง “กระทรวง จารุศิระ” ประธานกรรมการซุปเปอร์เทรดเดอร์ โฮลดิ้ง มองว่า ต้องการนายกรัฐมนตรีที่เห็นแก่ประโยชน์ประเทศชาติมากกว่าตัวเองและพวกพ้อง ที่ผ่านมาเ ราจะเห็นนักการเมืองที่หาเสียงนโยบายที่จะเป็นประโยชน์กับประชาชน แต่พอหลังเลือกตั้งเสร็จก็จะเป็นการจัดสรรผลประโยชน์ เพื่อตัวเองและพวกพ้อง แบ่งโควตาใครจะดูแลกระทรวงไหน มีการจัดแบ่งเค้กล่วงหน้า เข้าสู่วังวนแบบเดิม ๆ 

ผมคิดว่านายกฯ ที่ดีควรจัดตั้งคณะรัฐมนตรี โดยเลือกรัฐมนตรีตามความสามารถ เหมาะกับกระทรวงนั้น ๆ อย่างในหลายประเทศที่เจริญแล้วเค้าจัดแบ่งรัฐมนตรีตามความสามารถของแต่ละคน แต่หลายครั้งที่ผ่านมาเราจะเห็นการจัดสรรรัฐมนตรีตามโควตา บางคนไม่มีความรู้ความสามารถในเรื่องที่ตัวเองรับผิดชอบแต่ได้เป็นรัฐมนตรีในกระทรวงนั้น ๆ”

ไม่เอื้อประโยชน์พวกพ้อง

สำหรับ “อธิป พีชานนท์” นายกกิตติมศักดิ์ สมาคมธุรกิจบ้านจัดสรร ที่อยู่ในแวดวงอสังหาริมทรัพย์มานาน ให้ความเห็นว่า คุณสมบัติของผู้ที่จะมาเป็นนายกรัฐมนตรีจะต้องมีลักษณะความเป็นผู้นำ มีความสามารถในการบริหารจัดการ ต้องสามารถยืดหยุ่นกับสิ่งที่ไม่ตรงกับความคิดของตนเองไม่ตึงตัวจนเกินไป และไม่ทำพฤติกรรมที่เอื้อประโยชน์ต่อพวกพ้อง เข้าใจปัญหาของประเทศรับฟังปัญหารอบด้านและอนุญาตให้ประชาชนหรือผู้มีส่วนได้ส่วนเสียได้แสดงความคิดเห็นร่วมกันด้วย

ขณะที่ คณะรัฐบาลที่เข้ามาบริหารประเทศนั้น ก็ต้องมีเสถียรภาพ เพราะหากคนไม่มั่นใจก็ไม่กล้าลงทุน หากไม่สามารถมั่นใจได้ว่านโยบายของรัฐบาลจะอยู่ได้นานขนาดไหนและรัฐบาลจะต้องมีเสถียรภาพในตนเอง นอกจากนี้ ต้องเข้ามาแก้ปัญหาด้านเศรษฐกิจเป็นหลักโดยต้องมองระยะยาวต้องกล้าแก้ปัญหาระยะยาว เช่น ระบบการศึกษาเพราะหากไม่วางรากฐานที่ดีจะเกิดปัญหาความเหลื่อมล้ำของรายได้ตามมาซึ่งส่วนใหญ่มักถูกมองข้าม ฉะนั้น ควรตั้งขึ้นมาเป็นวาระสำคัญระดับชาติ รวมไปถึงการดูแลระบบ โครงสร้างพื้นฐาน เช่น ด้านไอที เพราะมองว่าประเทศจะต้องทันสมัย สามารถแก้ปัญหาของเมืองให้ได้ช่วยกระจายความเจริญสู่ชุมชน เพราะส่วนใหญ่จะกระจุกตัวอยู่ในตัวเมืองอย่าง กรุงเทพฯ เชียงใหม่ จึงเกิดความเหลื่อมล้ำขึ้น

นายกฯ ทำงานเป็น

“วิกรม กรมดิษฐ์” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และประธานกรรมการ บมจ.อมตะ คอร์ปอเรชั่น มองว่า อยากได้ผู้นำ หรือนายกรัฐมนตรี ที่ทำงานเป็นโดยเฉพาะเรื่องเศรษฐกิจ ถ้าเศรษฐกิจดี ทำให้อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจโตได้ละปี 6-8% เชื่อว่า ไม่เกิน 5 ปี คนจนจะหมดไป ขอทานจะค่อย ๆ หมดไป เพราะถ้าเศรษฐกิจไม่ดี คนไม่มีงานทำ คนจะอ้วกกันหมด เดือดร้อนกันหมด ถ้าได้ผู้บริหารแบบมีความสามารถเศรษฐกิจก็จะดี ผู้นำที่เป็นแบบอย่างที่ดีในสายตาตน คือ นายลี กวน ยู อดีตนายกรัฐมนตรีสิงคโปร์ นายสี จิ้น ผิง ประธานาธิบดีจีน นายโจโค วิโดโด ประธานาธิบดี อินโดนีเซีย

นอกจากนี้ ผู้นำต้องเข้มข้นเรื่องกฎหมาย เด็ดขาดกับคนขี้โกง ถ้าไม่มีการโกง ไม่มีการคอร์รัปชั่น เงินของประเทศก็จะเหลือเยอะมาก นำเงินมาพัฒนาประเทศได้อีกเยอะ และต้องดูแลคุณภาพสิ่งแวดล้อม ดูอย่างคลองแสนแสบ แสบสมชื่อ ถ้าสิ่งแวดล้อมดี คุณภาพชีวิตประชากรก็จะดี สุขภาพดี ส่วนรัฐบาลอยากได้แบบรัฐบาลสิงคโปร์ ที่มีความโปร่งใสมาก อยากได้รัฐบาลแบบจีน ที่ผลักดันให้จีดีพี แต่ละปีโตได้ 9% ถ้าทำได้แบบนี้ คนไทยรวยกันแน่นอน มีรายได้ที่ดี มีงานที่ดีทำ คนไทยไปดูงานที่ต่างประเทศเยอะมาก แต่ไม่นำมาปรับใช้ ส่วนนโยบายที่อยากให้รัฐบาลใหม่สานต่อ อยากให้ทำแค่ 3 อย่างพอ เรื่องทำเศรษฐกิจให้ดี กฎหมายต้องเข้มข้นเด็ดขาด และต้องทำสิ่งแวดล้อมให้ดี ถ้าทำ 3 อย่างนี้ได้ เชื่อว่า คนจน คนขอทานจะหมดประเทศใน 5 ปีแน่นอน

ดันไทยฮับดิจิทัล

คนหนุ่มรุ่นใหม่อีกคนอย่าง “จิรายุส ทรัพย์ศรีโสภา” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และผู้ก่อตั้ง บริษัทบิทคับ แคปปิตอล กรุ๊ปโฮลดิ้งส์ จำกัด ให้มุมมองว่า 2 เรื่องสำคัญที่รัฐบาลใหม่ที่เข้ามาบริหารประเทศต้องให้ความสำคัญก็คือ ต้องเร่งผลักดันให้ไทยเป็นดิจิทัลฮับของอาเซียน จากเศรษฐกิจดิจิทัลที่เติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง และใหญ่กว่าที่คิด เทคโนโลยีต่าง ๆ จะพัฒนาอย่างก้าวกระโดด และเรื่องของภาวะโลกร้อน ที่จะเปลี่ยนกฎกติกา กฎเกณฑ์ทั้งหมดของการค้าการขาย การทำธุรกิจ ซัพพลายเชนทั่วโลกจะกลายเป็นกรีนซัพพลายเชน ดังนั้น…ไทยต้องให้ความสำคัญกับเรื่องของโลกร้อน ทั้งยานยนต์ไฟฟ้า กรีนซีเมนต์ กรีนพลาสติก

ทั้งหมด เป็นเพียงส่วนหนึ่งของคนในแวดวงธุรกิจ ที่ต้องการสะท้อนความฝันที่อยากจะเห็น ความฝันที่ต้องการ เพื่อให้การขับเคลื่อนเศรษฐกิจนั้นเดินหน้าต่อไปได้อย่างเข้มแข็งและยั่งยืน ก็ต้องมาลุ้นกันว่า!! ที่ฝันกันไว้ เมื่อถึงเวลา…จะ “โดนใจ” กันเพียงใด!!

…ทีมเศรษฐกิจ…