เมื่อเวลา 17.00 น.วันที่ 18 มี.ค.ที่ลานคนเมือง ศาลาว่าการกทม. พรรคพลังประชารัฐ(พปชร.)จัดเวทีปราศรัย “พลังใหม่ พลังกรุงเทพ พลังประชารัฐ” และเปิดตัวว่าที่ผู้สมัครส.ส. กทม.33 เขต นำโดยพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคพปชร. พร้อมกรรมการบริหารและแกนนำพรรค นายสันติ พร้อมพัฒน์  รมช.คลัง ในฐานะเลขาธิการพรรคพปชร. นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม รองหัวหน้าพรรค น.ส.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ เหรัญญิกพรรค นายอุตตม สาวนายน ประธานยุทธศาสตร ที่ปรึกษาคณะกรรมการนโยบาย นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ ประธานยุทธศาสตร์การเมือง นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ คณะทำงานเศรษฐกิจ นายสกลธี ภัททิยกุล หัวหน้าทีม กทม.ร่วมเวทีปราศรัย โดยบรรดากองเชียร์ทยอยเดินทางมาสนับสนุนผู้สมัครแต่ละเขต ทยอยเข้าทางด้านหน้าศาลาว่าการกทม.ผ่านเครื่องสแกนตรวจวัตถุต้องสงสัย ก่อนเข้างานความปลอดภัย จนเต็มพื้นที่ที่เตรียมไว้ 3,000 ที่นั่ง

จากนั้นเวลา 17.20 น. นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ ประธานยุทธศาสตร์การเมือง พรรคพลังประชารัฐ ได้กล่าวปราศรัยว่า พรรคพลังประชารัฐเป็นพรรคการเมือง ที่ตนก่อตั้งขึ้นตั้งแต่ปี 61 และ คนกทม.ก็ให้ความไว้วางใจกับพรรคของเรา การเลือกตั้งครั้งนี้พรรคพลังประชารัฐได้คัดสรรผู้สมัครคุณภาพทั้ง 33 เขต มาผสมกับผู้สมัครรุ่นเก๋าที่จะมาร่วมใจกันเปลี่ยนแปลงกรุงเทพมหานครให้ดีขึ้น

“ปัญหาของ กทม.คือเรื่องมลภาวะทางอากาศ  หรือฝุ่น PM 2.5 ที่กำลังสร้างปัญหาให้กับผู้สูงอายุรวมไปถึงเด็ก ก่อให้เกิดอาการเจ็บป่วยทางระบบหายใจมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง ดังนั้นพรรคประชารัฐจะนำอากาศบริสุทธิ์ กลับคืนมาให้กับคนไทยทุกคน เรื่องการแก้ปัญหาฝุ่น PM 2.5 คือปัญหาเร่งด่วน เพราะถือเป็นปัจจัยสำคัญของคนทุกชนชั้นขอให้ทุกคนไว้วางใจผู้สมัครของพรรคพลังประชารัฐ  เลือกพวกเขาเข้ามาเป็นตัวแทนของพี่น้องประชาชนทุกคนทั้ง 33 เขต เพราะพลเอกประวิตรหัวหน้าพรรคของเรา ได้ประกาศเอาไว้แล้วว่า หากได้เข้ามาเป็นรัฐบาลปัญหาฝุ่น PM 2.5 จะต้องได้รับการแก้ไขทั้งพื้นที่ กทม.และทั่วประเทศ

ด้านนายอุตตม สาวนายน ประธานจัดทำนโยบาย กล่าวปราศรัยบนเวที”พลังใหม่ พลังกรุงเทพ พลังประชารัฐ”ว่า วันนี้เรามาเพื่อแสดงเจตจำนงว่า เราจะทำงานอย่างมุ่งมั่น เพื่อพี่น้องประชาชนชาวกรุงเทพและทุกจังหวัดของประเทศไทยกทม.ต้องเป็นหัวขบวน เพื่อเป็นศูนย์กลางของเกือบทุกกิจกรรม ถ้าให้นำไปเทียบกับนานาประเทศแล้ว ต้องบอกว่ากรุงเทพของเราไม่น้อยหน้าประเทศไหน

“ผมขอพูดถึงนโยบายเพื่อชาว กทม.อย่าง กรุงเทพ +5 คือพื้นที่ กทม.บวกกับ นครปฐมนนทบุรี ปทุมธานีสมุทรปราการ และฉะเชิงเทรา และ กรุงเทพฯต้องเป็นศูนย์กลางพัฒนา 360 องศา รวมถึงการกระจายความแออัดจาก กทม.ไปยังจังหวัดปริมณฑลที่มีของดีไม่ว่าจะเป็นสถานที่ท่องเที่ยว สถานที่ศักดิ์สิทธิ์ รวมถึงแหล่งอาหารขนาดใหญ่ ที่เตรียมรอให้เราไปพัฒนา ทั้งนี้ เราจะสร้างเศรษฐกิจย่าน กทม.10 ย่านนำร่องไม่ว่าจะเป็นเขตลาดพร้าว เขตประเวศ เพื่อยกระดับและพัฒนาศักยภาพของพื้นที่ โดยการดึงจุดเด่นของแต่ละพื้นที่ออกมา โดยมีการเชื่อมโยงการคมมนาคมที่สะดวกและรวดเร็วเพื่อเป้าหมายในการเติมเต็มความสุขให้กับคนเมืองให้ได้”นายอุตตม กล่าว

นายอุตตม กล่าวต่อว่า พรรคพลังประชารัฐจะตั้งกองทุนประชารัฐ เพื่อปลดภาระ เพิ่มรายได้ และสร้างโอกาส แก้หนี้ให้เบ็ดเสร็จ เติมทุนใหม่ แล้วเสริมทักษะ ในกรอบวงเงิน 300,000 ล้านบาท เพื่อนำมาแก้หนี้ให้เบ็ดเสร็จ โดยกองทุนจะมีการให้กู้ยืมเพื่อประกอบอาชีพยกตัวอย่างเช่น การกู้เงินจำนวน 50,000 บาท จะใช้เวลาผ่อน 7 ปี ซึ่งจะตกวันละ 24 บาท โดยดอกเบี้ยไม่เกินร้อยละ 5

นายอุตตม กล่าวต่อว่า  นอกจากนี้ เราจะลงทุนพัฒนาในย่านเศรษฐกิจ และมีการจัดทุนตั้งต้นให้กับธุรกิจสตาร์ทอัพ รวมไปถึงการพัฒนาการค้าขายในรูปแบบเฟรนไชส์พรรคพลังประชารัฐ ยังมีนโยบายดูแลค่าใช้จ่าย เช่นจะช่วยค่าใช้จ่ายตั้งแต่ตั้งครรภ์ถึงหกขวบ โดยกลุ่มคนนี้จะมีประมาณ 266,000 คน และยกเว้นภาษีบุคคลธรรมดาผู้มีรายได้ไม่เกิน 500,000 บาทต่อปีทุกอาชีพ รวมถึงบ้านหลังแรกสามารถนำค่าผ่อนบ้านมาลดภาษีได้  200,000 บาท

นายอุตตม กล่าวว่า ทั้งนี้ ในส่วนของบัตรประชารัฐ 700 บาทต่อเดือนที่ประชาชนคงจะทราบกันไปแล้ว แต่เราจะมีการเพิ่มการใช้บัตรให้ครอบคลุม เช่น ค่าน้ำ ค่าไฟฟ้า ค่าเดินทางสาธารณะ วินมอเตอร์ไซค์ แท็กซี่ และอื่นๆ เพื่อให้ความสะดวกสบายกับประชาชนมากขึ้น และเราจะมีการประกันชีวิตในวงเงิน 200,000 บาทต่อรายฟรี

นายสกลธี ภัททิยกุล หัวหน้าทีมกทม.พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กล่าวปราศรัยตอนหนึ่ง ว่า พรรคพปชร. ไม่ใช่แค่ทำงาน ทำงาน ทำงาน แต่เรา “ทำจริง ทำเร็ว ทำทันที” พร้อมสานงานต่อ ก่องานใหม่ ไม่ต้องเรียนรู้งาน และเรามีไม้ตายคือ กองทุนประชารัฐพัฒนาประเทศ 3 แสนล้านบาท ที่จะพัฒนากรุงเทพฯ ขอแค่ประชาชนให้โอกาสเราได้ไปลงมือทำ มั่นใจว่าจะทำกรุงเทพฯให้ดีกว่านี้ได้แน่นอน เพราะนับตั้งแต่การเลือกต้อง ปี 2562 พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรค เป็นผู้จัดการตัวจริงที่อยู่เบื้องหลังการทำงาน จนทำให้รัฐบาลอยู่มาได้ถึง 4 ปี โดยตัวอย่างที่เห็นชัดสองเรื่องที่ทำแล้ว คือ แก้หนี้นอกระบบ และแก้ปัญหาน้ำ   กทม.มีดีหลายอย่าง ทั้งพื้นที่เกษตร ของดีชุมชนต่างๆ ท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม และมีดีที่พลังใหม่ 33 คน ที่เสนอตัวลงสมัคร ขอเพียงโอกาสเป็นเบอร์หนึ่งในใจของคนกรุงเทพฯ จะผลักดันสิ่งเหล่านี้เป็นนโยบายทำเพื่อประชาชนอย่างแน่นอน

จากนั้นนายสกลธี แนะนำผู้สมัครทั้ง 33 เขต ที่เป็นพลังใหม่ฝากให้เลือกพปชร.

สำหรับรายชื่อผู้สมัคร 33 คน ได้แก่  นายสฤษดิ์ ไพรทอง เขต 1 พระนคร สัมพันธวงศ์ดุสิต บางรัก , นายพณิชย์ วิทยาภัทร์ เขต 2 สาทร ราชเทวี ปทุมวัน , น.ส.ชญาภา ธารดำรงค์ เขต 3 บางคอแหลม ยานนาวา , นายภูวกร ปรางภรพิทักษ์ เขต 4 คลองเตยวัฒนา ,นายกานต์ กิตติอำพน เขต 5 ห้วยขวาง วังทองหลาง , ร.อ.รชฏ พิสิษฐบรรณกรเขต 6 ดินแดง พญาไท , ร.ต.อ.วัฒนรักษ์ อำนรรฆสรเดช เขต 7 บางซื่อ ดุสิต  ,นายรังสรรค์ กีบปัจจุบัน เขต 8 จตุจักร หลักสี่ , นายปราโมทย์ เพ็ชรฤทธิ์ เขต 9 บางเขนจตุจักร หลักสี่  , ภญ.สุชาดา เวสารัชตระกูล เขต 10 ดอนเมือง ,น.อ. บัญชาพล อรัณยะนาค เขต 11 สายไหม, ภญ.นพวรรณ หัวใจมั่น เขต 12 บางเขน สายไหม ลาดพร้าว , นายภักดีหาญส์ หิมะทองคำ เขต 13 ลาดพร้าว วังทองหลาง  ,น.ส. นฤมล รัตนาภูบาลเขต 14 บางกะปิ วังทองหลาง , น.ส.ณิรินทร์ เงินยวง เขต 15 คันนายาว บึงกุ่ม นายกิติภูมิ นีละไพจิตร, เขต 16 คลองสามวา ,นายศิริพงษ์ รัสมีเขต 17 หนองจอก คลองสามวา ,

นายพีระพงษ์ รัสมี เขต 18 หนองจอก มีนบุรี ลาดกระบัง , นางนาถยา แดงบุหงา เขต 19 มีนบุรี สะพานสูง, นายบุญรุ่ง เต๋งจงดี เขต 20 ลาดกระบัง ,น.ส.แพรว กิจสุวรรณ เขต 21 ประเวศ สะพานสูง , นายรัฐภูมิ โตคงทรัพย์ เขต 22 สวนหลวง ประเวศ ,บางนา นายตรีสิทธิ์ ศิริวรรณ เขต 23 พระโขนง ,นายศันสนะ สุริยะโยธิน เขต 24 คลองสาน ธนบุรีราษฎรบูรณะ ,นายระพีพัฒน์ สุเมธโชติเมธา เขต 25 ทุ่งครุ ราษฎร์บูรณะ , นายสุวัฒน์ม่วงศิริ เขต 26 จอมทอง บางขุนเทียน ,นายสาโรจน์ ซึ้งไพศาลกุล เขต 27 บางบอนบางขุนเทียน , นายมานพ มารุ่งเรือง เขต 28 หนองแขม บางบอน จอมทอง, นายเอกชัย ผ่องจิตร์ เขต 29 บางแค หนองแขม ,นายสิทธิโชค คล้อยแสงอาทิตย์ เขต 30 บางแคภาษีเจริญ , น.ต.นิธิ บุญยรัตกลิน เขต 31 ทวีวัฒนา ตลิ่งชัน , น.ส.บุณณดา สุปิยพันธุ์ เขต 32 บางกอกน้อย บางกอกใหญ่ ภาษีเจริญ ตลิ่งชัน ธนบุรี และ  นายคมสัน พันธุ์วิชาติกุล เขต 33 เขตบางพลัด บางกอกน้อย

พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ(พปชร.)กล่าวปราศรัยบนเวที”พลังใหม่ พลังกรุงเทพ พลังประชารัฐ”ว่า ก่อนอื่นขอสวัสดีพี่น้อง ชาวกรุงเทพมหานคร และพี่น้องชาวไทยที่รักทุกคน ผมรู้สึกดีใจ และอบอุ่นที่ได้มาอยู่ท่ามกลางพี่น้องทุกท่านในวันนี้ ซึ่งเป็นการปราศรัยในกรุงเทพฯครั้งแรกของผม วันนี้ผมมาพร้อมกับผู้บริหารและสมาชิก พรรคพลังประชารัฐ รวมถึงว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.กทม.ทั้ง 33 คน เพื่อยืนยันให้พี่น้องมั่นใจว่าพวกเราพร้อมแล้ว ที่จะทำงานรับใช้ กรุงเทพมหานคร พรรคพลังประชารัฐตระหนักดีว่า กรุงเทพมหานครเป็นศูนย์รวม เป็นหน้าตา และศักดิ์ศรีของประเทศ เราต้องช่วยกันดูแล รักษา ให้สะอาด สวยงาม ปลอดภัย น่าอยู่ น่าอาศัย น่าที่จะมาท่องเที่ยว ผมและพรรคพลังประชารัฐ จะมุ่งมั่น ทำงาน ร่วมมือกับทุกฝ่ายเพื่อพัฒนา และแก้ไขปัญหาทุกเรื่องที่เป็นประโยชน์ กับ คนกรุงเทพฯ ปัญหาต่าง ๆ ทั้งในเรื่อง การจราจร ติดขัด ปัญหา ความปลอดภัย สิ่งแวดล้อม มลพิษ PM 2.5 การขาด พื้นที่สีเขียวน้ำท่วม น้ำเน่าเสีย ระบบขนส่งมวลชน ปัญหายาเสพติดและปัญหาอื่นๆ อีกมากมาย

“พรรคพลังประชารัฐจะแก้ไขปัญหาเหล่านี้โดยเร็ว พร้อมกับนำนโยบายที่เป็นประโยชน์มามอบให้กับ พี่น้องประชาชน ทั้งในเรื่อง บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ การลดราคาน้ำมัน แก๊ส ไฟฟ้า สร้างงาน สร้างอาชีพ สร้างรายได้ดูแลคนไทย ทุกช่วงวัย ทั้งเบี้ยผู้สูงอายุ แม่ และเด็กดูแลผู้พิการ ผู้ด้อยโอกาส อย่างเท่าเทียมเพื่อลดช่องว่าง ความเหลื่อมล้ำ ความไม่เป็นธรรมในสังคม ขอให้ พี่น้องประชาชนให้โอกาส พรรคพลังประชารัฐพวกเราอาสาที่จะนำความรัก ความสามัคคีมาสู่ประเทศชาติ ของเราหมดเวลาที่เราคนไทยจะมาทะเลาะกันเองแล้วพวกเราคนไทย ต้องจับมือกันนำพาประเทศ ก้าวไปข้างหน้าเพื่อความสุขของคนไทยทุกคน” พล.อ.ประวิตร กล่าว