เมื่อวันที่ 17 มี.ค. นายมานะ นวลหวาน ผู้อำนวยการเจ้าท่าภูมิภาค สาขากระบี่ เปิดเผยว่า จากการนำเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่ตรวจสอบใบอนุญาตใช้เรือ นายท้าย ช่างเครื่อง อุปกรณ์ช่วยชีวิต เสื้อชูชีพ กรมธรรม์ประกันภัย เรือสปีตโบ๊ท เรือหางยาว เรือโดยสารนำเที่ยวตามแหล่งท่องเที่ยวทางทะเลต่างๆ พบว่าเอกสารกรมธรรม์ประกันภัยของเรือโดยสารที่ออกให้โดยบริษัทประกันภัยแห่งหนึ่ง คิวอาร์โค๊ตไม่ตรงกับตัวเลข กรมธรรม์ประกันภัยที่กำกับ บางลำไม่ตรงกับชื่อเรือที่ทำประกันภัยไว้ กรณีที่เกิดขึ้นจะส่งผลกระทบต่อนักท่องเที่ยว หากเกิดอุบัติเหตุจะไม่ได้รับการคุ้มครอง โดยค่าทำประกันของเรือแต่ละลำราคาตั้งแต่ 1,800-10,000 บาท ขึ้นอยู่กับขนาดของเรือ และจำนวนผู้โดยสารที่บรรทุก

ผู้อำนวยการเจ้าท่าภูมิภาค สาขา กระบี่ เปิดเผยอีกว่า เจ้าหน้าที่ฝ่ายทะเบียนสำนักงานเจ้าท่าภูมิภาค สาขากระบี่ ต้องตรวจสอบเอกสารกรมธรรม์ประกันภัยของเรือโดยสารกว่า 2,000 ลำ ตรวจสอบเบื้องต้นพบเอกสารกรมธรรม์ประกัยภัยไม่ถูกต้องกว่า 30 ลำ แจ้งให้เจ้าของเรือรับทราบ ดำเนินการแก้ไข หากไม่ดำเนินจะถูกยกเลิกใบอนุญาตใช้เรือ อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าเอกสารกรมธรรม์ประกันภัยของเรือโดยสาร เรือสปีตโบ๊ท เรือหางยาวที่เหลืออาจจะไม่ถูกต้องมีอยู่เป็นจำนวนมาก ได้ประสานสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) จังหวัดกระบี่ ตรวจสอบดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

ขณะที่ผู้ประกอบการเรือโดยสารนำเที่ยวทยอยนำหลักฐานเอกสารการแจ้งความกับพนักงานสอบสวน สถานีตำรวจภูธรเมืองกระบี่ และสถานีตรวจภูธรอ่าวนาง อำเภอเมืองกระบี่ เข้ายื่นขอความช่วยเหลือต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) จังหวัดกระบี่ หลังจากสำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคตรวจสอบพบว่า เอกสารกรมกรรม์ประกันภัยเรือเป็นของปลอม

โดน น.ส.สิริรัชนี พืชมงคล ผู้อำนวยการสำนักงาน คปภ.จังหวัดกระบี่ เปิดเผยว่า เบื้องต้น สำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคสาขากระบี่ ตรวจสอบพบกรมธรรม์ประกันภัยปลอมมีจำนวน 25 ลำ ให้นำหลักฐานการแจ้งความมายื่นเอกสารขอความช่วยเหลือจากสำนัก คปภ.กระบี่ จากการตรวจสอบพบว่าผู้ที่รับดำเนินการ บริการทำประกันภัยเรือเป็นสาวอดีตพนักงานบัญชี สถานตรวจสภาพรถเอกชน (ตรอ). แห่งหนึ่ง ตัวเมืองกระบี่ มีหน้าที่ขายประกันภัยต่างๆ ลาออกมาหาลูกค้าการประกันภัยเรือโดยสารด้วยตัวเอง อาศัยความสนิทส่วนตัวกับผู้ประกอบการเรือ โดยไม่มีใบอนุญาตขายประกันภัยแต่อย่างใด หลังจากนี้สำนักงาน คปภ.กระบี่จะเรียกผู้ประกอบการสถานตรวจสภาพรถเอกชนดังกล่าวมาชี้แจงว่า มีส่วนได้เสียหรือไม่ และประสานบริษัทผู้รับทำประกันว่าจะสามารถช่วยเหลือเยียวยาผู้เสียหายกรณีดังกล่าวได้หรือไม่.