เมื่อวันที่ 16 มี.ค. พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผบช.สอท. พล.ต.ต.วิวัฒน์ คําชํานาญ รอง ผบช.สอท. พล.ต.ต.สถิตย์ พรมอุทัย ผบก.สอท.3 สั่งการให้ พ.ต.อ.คำภีร์ พรหมสนธิ รอง ผบก.สอท.3 พ.ต.อ.พงศ์นรินทร์ เหล่าเขตกิจ ผกก.วิเคราะห์ข่าว บก.สอท.3 นำกำลังจับกุม น.ส.ปณิตา หรือ มิ้น บุญประสงค์ ผู้ต้องหาตามหมายจับของ ศาลอาญา ที่ 496/2566 ลงวันที่ 18 ก.พ. 66 ในความผิดฐาน “ร่วมกันมีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ, ร่วมกันเป็นอั้งยี่, ร่วมกันเป็นซ่องโจร ร่วมกันฉ้อโกงประชาชนโดยแสดงตนเป็นคนอื่น, โดยทุจริตหรือโดยหลอกลวง ร่วมกันนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมด หรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน, ร่วมกันเข้าถึงโดยมิชอบซึ่งระบบคอมพิวเตอร์ที่มีมาตรการป้องกันการเข้าถึงโดยเฉพาะและมาตรการนั้นมิได้มีไว้สำหรับตน และร่วมกันฟอกเงิน”

สืบเนื่องจากผู้ต้องหารายนี้ได้ร่วมกับพวกแอบอ้างเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองสุราษฎร์ธานี หลอกลวงผู้เสียหายว่า มีคนนำเอาเอกสารผู้เสียหายปลอมแปลงเช่ารถยนต์และเกี่ยวข้องกับการขนย้ายยาเสพติดและฟอกเงิน ก่อนที่จะให้ผู้เสียหาย ติดตั้งแอป “DSI ปลอดภัย” พร้อมส่งลิงก์มาให้ผู้เสียหายติดตั้งดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน “DSI ปลอดภัย” ในโทรศัพท์มือถือ เพื่อความบริสุทธิ์ของเส้นทางการเงินและล็อกบัญชีไม่ให้มีผู้ใดมาใช้ เมื่อติดตั้งเสร็จเรียบร้อย พบภายหลังว่าเงินหายจากบัญชีธนาคารของผู้เสียหายทั้งสองบัญชี เป็นเหตุให้ได้รับความเสียหายรวม 3,291,971.80 บาท โดยระหว่างที่ทำการหลอกลวงได้มีการวิดีโอคอลเพื่อให้เหยื่อหลงเชื่อ

ต่อมาเจ้าหน้าที่ได้ทำการสืบสวนจนทราบว่าผู้ก่อเหตุ คือ น.ส.ปณิตา จึงได้ทำการติดตาม จนทราบว่าโดยสารมากับรถไฟเที่ยวล่องที่ 8 (เชียงใหม่-สถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์) เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้แสดงตัวจับกุมขณะรถไฟวิ่งมาที่ จ.นครสวรรค์

สอบสวนให้การรับสารภาพว่า ร่วมกับพวกก่อเหตุจริง โดยทำหน้าที่ฝ่ายเอกสาร ปลอมแปลงเอกสารต่าง ๆ เพื่อส่งไปหลอกลวงเหยื่อทางแอปพลิเคชันไลน์ ประกอบการสร้างความน่าเชื่อถือกับการสมอ้างกับคนร้ายที่แต่งกายเครื่องแบบตำรวจ ที่วิดีโอคอลไลน์หลอกเหยื่อในขณะเดียวกัน จึงนำตัวส่งพนักงานสอบสวน กก.1 บก.สอท.3 เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป.