เมื่อเวลา 17.30 น. วันที่ 12 มี.ค. ที่ จ.นราธิวาส นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.สาธารณสุข ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย กล่าวถึงการยุบสภา ได้มีการเดาใจนายกรัฐมนตรีแล้วหรือไม่ว่าจะยุบสภาวันใดว่า ไม่เคยเดา พร้อมอยู่แล้วทางคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ได้กำหนดไว้แล้วว่าจะอยู่ในช่วงวันที่ 7 พ.ค. กับ 14 พ.ค.นี้ เราเตรียมตัวอยู่แล้ว แต่สำหรับพรรคภูมิใจไทย ต่อให้ไม่มียุบสภาก็ไม่มีความหมาย เพราะว่าสมาชิกพรรคภูมิใจไทยที่จะลงสมัคร ส.ส.เป็นสมาชิกเกิน 90 วันแล้ว ไม่มีกังวลใด ๆ เพราะเราลงพื้นที่มาตั้งแต่ช่วงปลายปีที่แล้ว ดังนั้น ไม่ต้องรอความชัดเจนใด ๆ แล้ว ไม่ว่ายังไงการยุบสภาก็ไม่เกินวันที่ 22 มี.ค.นี้ ก็เหลืออีก 10 วัน ถือว่านับถอยหลัง

ส่วนการตั้งเป้าคว้า ส.ส.ในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ในการเลือกตั้งครั้งหน้านั้น นายอนุทิน กล่าวว่า ในช่วง 4 ปีที่พรรคภูมิใจไทยเป็นรัฐบาล เราให้ความสำคัญกับพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ มารับฟังปัญหา แก้ไขปัญหาให้ประชาชน ทั้งด้านสาธารณสุข คมนาคม และการท่องเที่ยวมั่นใจว่ารอบนี้ประชาชนในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้จะให้ความไว้วางใจพรรคภูมิใจไทยมากขึ้นกว่าเดิม ส่วนกรณีที่ทางนิด้าโพลได้เปิดผลสำรวจประชาชนจังหวัดอุดรธานี ต่อความนิยมของพรรคการเมือง โดยเฉพาะความนิยมต่อ ส.ส. ที่ ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคภูมิใจไทย มาเป็นลำดับ 5 ขณะที่ ส.ส.เขต มาเป็นลำดับที่ 6 นั้น ถือว่าเป็นไปได้ เพราะเราไม่ได้แข็งแรงทุกจังหวัด ต้องลองไปทำโพลที่จังหวัดบุรีรัมย์ สตูล อุทัยธานี พระนครศรีอยุธยา ดู แล้วค่อยมาว่ากัน

เมื่อถามว่า ในพื้นที่ที่ดูแล้วผลโพลยังไม่ดี จะมีมาตรการเพิ่มเติมอย่างไร นายอนุทิน กล่าวว่า พรรคภูมิใจไทยมีการทำโพลของพรรคเอง ทุกสัปดาห์จะมีการเชิญผู้สมัคร ส.ส.ของพรรคมาหารือเพื่อปรับกลยุทธ์ในการทำโพลให้กับเขาจนกว่าจะถึงวันเลือกตั้ง

เมื่อถามว่าหลายพรรคเริ่มตั้งเป้าที่จะคว้าจำนวน ส.ส. อย่างพรรคเพื่อไทย ตั้งเป้าคว้า ส.ส. 310 ที่นั่ง นายอนุทิน กล่าวว่า พรรคภูมิใจไทยรู้อยู่แล้ว ว่าจะได้เท่าไหร่ ที่พรรคเพื่อไทยประกาศคว้า 310 เสียง ก็ยินดีด้วย

เมื่อถามว่า การตั้งเป้าของพรรคเพื่อไทยดูจะเกินจริงไปหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวย้ำอีกว่า ก็ขอแสดงความยินดีด้วย ทุกคนต้องมีความหวัง แต่พรรคภูมิใจไทย เราทำวิสัยทัศน์ให้เป็นความจริง เราทำเรื่องจริง อยู่กับความจริง เราก็อยู่ของเราแบบนี้ ไม่วิจารณ์ใคร ถ้าเป็นไปได้ คนอื่นก็ต้องไม่มาวิจารณ์พรรคภูมิใจไทย ตนไปปราศรัยหลายพื้นที่ไม่เคยพูดถึงพรรคอื่น ไม่เคยเอ่ยชื่อพรรคใด ไม่เคยว่าบ้านใหญ่ที่ไหนไม่ดีอย่างไร ไม่เคยไล่ ไม่เคยเสียดสีใคร เพราะมันไม่เกี่ยวข้องกับประชาชน พูดไปเสร็จแล้วบอกว่านโยบายพรรคเหล่านั้น ต้องการทำให้ประเทศไทยสามัคคี สงบสุข ยังไม่ทันเลือกตั้ง ขึ้นเวทีก็ระเบิดแล้ว มันก็โกหกตั้งแต่คำแรกแล้ว พรรคภูมิใจไทยไม่โกหกประชาชน หน้าที่ตนคือรับผิดชอบต่อประชาชนในนามพรรคภูมิใจไทย ต้องให้เกียรติกัน ไม่วิจารณ์กันประชาชนคือผู้ตัดสินใจ ไม่ใช่ได้มาเพราะการด้อยค่า หรือด่าทอนโยบายพรรคภูมิใจไทย

นายอนุทิน กล่าวอีกว่า ส่วนการแข่งขันทางการเมืองในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนใต้ โดยเฉพาะทางพรรคเจ้าถิ่นอย่างพรรคประชาชาติ ได้หยิบยกนโยบายกัญชาเสรีมาโจมตีว่า ไม่มีเจ้าถิ่น มีแต่ประชาชน เจ้าถิ่นคือประชาชน ประชาชนแยกแยะได้ว่า อย่างไหนคือการโจมตี อย่างไหนคือประโยชน์พรรคไหนทำงาน พรรคไหนไม่ทำงาน กัญชาทางการแพทย์และเศรษฐกิจ สร้างรายได้ให้ประเทศหลายหมื่นล้านบาทแล้ว ถ้ายังมาโจมตีอยู่ก็ถือว่าล้าหลัง ไม่ควรเสนอตัวเองมาเป็นผู้แทนของประชาชน เป็นผู้แทนประชาชนต้องทำเรื่องที่ยากให้กับประชาชนได้เรื่องง่าย ๆ ใครก็ทำได้ และพรรคภูมิใจไทยทำเรื่องที่ยาก ๆ ได้

เมื่อถามว่า การที่พรรคประชาชาติประกาศไม่เอานโยบายกัญชาเสรี ถือเป็นการเปิดหน้าชนกับพรรคภูมิใจไทยพรรเดียวเลยหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า ทุกพรรคเราจะไปวิจารณ์ไม่ได้ ใครเชื่ออย่างไรก็เชื่ออย่างนั้น ประชาชนคือคนที่จะตัดสินใจ ตรงนี้ไม่มีความหมายใด ๆ กับพรรคภูมิใจไทย พรรคไหนไม่เชื่อก็ไปหาเสียงห้ามไม่ให้มีกัญชาแต่พรรคภูมิใจไทยก็จะหาเสียงบอกว่ากัญชาดีอย่างไร

“ภาคใต้พืชกระท่อมก็ถูกกฎหมาย แล้วกัญชาเสรีทางการแพทย์ ถูกกฎหมายมันจะต่างกันอย่างไรถ้าเราใช้ถูกวิธี เรื่องสูบเสพผิดกฎหมาย พูดชัดเจนแล้ว ทุกครั้งที่มีการด้อยค่า พรรคภูมิใจไทยก็จะบอกว่า คนนั้นสูบเสพเดินมึนเข้าไปในโรงพยาบาล ก็เขาทำผิดกฎหมายก็ต้องถูกดำเนินคดี ไม่มีอะไรต้องกังวล ใครที่รักประชาชนก็เห็นดาวแสงสว่าง ใครไม่รักประชาชนก็เห็นแต่ความมืด เห็นแต่โคลนตม ตามหลักสุภาษิต โบราณเขาว่าไว้” นายอนุทิน กล่าว