เมื่อวันที่ 9 มี.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วานนี้ (8 มี.ค.)ได้รับการร้องเรียนจากชาวบ้านหนองควาย ต.ห้วยขมิ้น อ.ด่านช้าง จ.สุพรรณบุรี เกี่ยวกับเรื่องของขบวนการหน้าม้าหลอกหลวงชาวบ้านว่าขอนำบัตรประชาชนไปขอคืนภาษีอย่างถูกกฎหมาย แต่กลับโดนสวมสิทธิจดทะเบียนเป็นผู้ประกอบการทั้งที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง
ต่อมากลุ่มชาวบ้านจำนวน 18 ราย ที่โดนหลอกซื้อบัตรประชาชน ได้ไปทำบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐานที่ สภ.ด่านช้าง จ.สุพรรณบุรี ว่าได้มี น.ส.สาวีตรี งามขำ คนต่างหมู่บ้าน มาชักชวนว่าสรรพากรจะคืนเงินภาษีจากภาครัฐ โดยบอกว่าเป็นภาษีที่พวกเราเสียตอนซื้อของต่าง ๆ และรวบรวมบัตรประชาชนชาวบ้าน เพื่อนำไปขอภาษีคืนจนกระทั่งวันที่ 10 มีนาคม 2565 มีเงินเข้าบัญชีผู้แจ้งทั้ง 18 ราย รายละประมาณ 5,500 บาท แต่ต้องจ่ายให้กับ น.ส.สาวิตรี เป็นค่าดำเนินการรายละ 2,500 บาท ต่อมาผู้แจ้งทุกคนได้รับแจ้งว่าทำบัตรประชารัฐ (บัตรคนจน) ไม่ผ่าน เนื่องจากพบว่าทั้ง 18 ราย มีชื่อติดอยู่ในกรรมสรรพากรที่จะต้องเสียภาษีเงินได้ และเป็นผู้ประกอบการ ทั้งที่รายได้แต่ละคนปีละไม่ถึงแสน และอาชีพหาเช้ากินค่ำ
นายธีรวัฒน์ เวียงอินทร์ ชาวบ้าน ต.ห้วยขมิ้น ซึ่งเป็นญาติของผู้เสียหายที่ถูกร้องนำบัตรประชาชนไปใช้ กล่าวว่า เมื่อปี 2565 มีคนมาติดต่อแม่ภรรยาของตนว่าสามารถทำเรื่องขอเงินคืนภาษีจากสรรพากรได้ เพียงแค่มีบัตรประชาชนใบเดียว หลังจากนั้นได้รับเงินโอนเข้ามาในบัญชีที่ผูกกับบัตรประชาชน จำนวนเงิน 5,500 บาท และนายหน้าขอค่าดำเนินการ 2,500 บาท ซึ่งในปีนี้ตนได้พบความผิดปกติเนื่องจากแม่ภรรยาของตน ลงทะเบียนขอรับสวัสดิการของรัฐไม่ได้ จึงได้ตรวจสอบจากเว็บไซต์ของกรมสรรพากร พบว่าแม่ภรรยาของตนมีชื่อจดทะเบียนการค้าเป็นผู้ประกอบการ ภงด.91 และมียอดเสียภาษีปีที่ผ่านมา 400,000 บาท ทั้งที่ไม่เคยมีธุรกิจดังกล่าวเลย นอกจากนี้ยังพบว่าคนในหมู่บ้านถูกหลอกในลักษณะเช่นเดียวกันหลายราย จึงได้ติดต่อสรรพากรจังหวัดสุพรรณบุรี และ สภ.ด่านช้าง เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจในเบื้องต้นก่อน จากนั้นได้พากันไปสอบถามรายละเอียดกับสรรพกรจังหวัดสุพรรณบุรีเพื่อให้ทราบรายละเอียดที่แน่ชัดอีกครั้ง
นายธีรวัฒน์ กล่าวต่อว่า เบื้องต้นทางสรรพากร จ.สุพรรณบุรี ให้ดำเนินการยื่นรายได้ตามจริง เนื่องจากถ้ายื่นรายได้จริง ถ้าไม่เกินตามที่กำหนดก็จะไม่เสียภาษี และจะไม่มีการเก็บย้อนหลัง แต่ต้องคืนเงินในส่วนที่ทางสรรพกรได้คืนเงินภาษีจำนวน 5,500 บาท ที่จ่ายมาก่อนหน้านี้ ทั้งนี้ ต้องรอทางกรมส่งเรื่องมาที่สรรพากรถึงจะเรียกให้มาชำระตามยอดที่สรรพากรจ่ายไป แต่ต้องสอบปากคำว่ารายได้เท่าไหร่ และเฉลี่ยรวมและยื่นลงในระบบ ภงด.91 เพราะทุกคนต้องยื่นภาษีอยู่แล้ว อยู่ที่ว่าภาษีรายได้เงินเราเกินที่จะต้องจ่ายหรือไม่
นางนิตยา คนหลัก อยู่บ้านเลขที่ 135 หมู่ 12 ต.ห้วยขมิ้น อ.ด่านช้าง จ.สุพรรณบุรี หนึ่งในผู้ถูกหลอกลวงบัตรประชาชน กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ ได้มีชาวบ้านต่างหมู่บ้าน ทราบชื่อว่า นางสาวีตรี งามขำ ได้ให้คนในหมู่บ้านมาถามทำเงินกันไหม ตนจึงถามว่าเงินอะไร และผิดกฎหมายหรือเปล่า เขาบอกว่าไม่ผิดกฎหมายแต่เป็นเงินภาษีที่เราซื้อของ และเราควรจะได้ จึงตัดสินใจทำ จึงพากันทำ โดยให้บัตรประชาชนไปกับคนในหมู่บ้าน เพื่อนำไปให้ นางสาวีตรี เมื่อประมาณเดือน มีนาคม 2565 หลังจากนั้นมีเงินเข้าบัญชีประมาณ 5,500 บาท แต่ต้องจ่ายให้ค่าดำเนินการของ นาวสาวีตรี จำนวน 2,500 บาท จนกระทั่งมาทำบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ขึ้นมาว่าไม่ผ่าน เมื่อไปเช็กจึงทราบว่าเป็นหนี้สรรพากร เนื่องจากมีชื่อเราอยู่ในบัญชีสรรพากรว่าเราเป็นหนี้ และยังเป็นเจ้าของบริษัท จึงได้มาทำเรื่องอุทธรณ์ที่สรรพากรจังหวัดสุพรรณบุรี เนื่องจากพวกตนรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ถูกหลอกลวงจากพวกมิจฉาชีพ
เจ้าหน้าที่ สรรพากร จ.สุพรรณบุรี กล่าวว่า เบื้องต้นทาง สรรพากรจะทำบันทึกข้อเท็จจริงตามคำให้การของชาวบ้าน และส่งบันทึกคำให้การเข้าในระบบของกรมสรรพากร และทางกรมฯจะไปพิจารณาอีกครั้ง และฝากประชาชน กรณีมีผู้มาเสนอวิธีการและต้องมีค่าดำเนินการนั้น อย่าได้ไปหลงเชื่อโดยเด็ดขาด และต้องเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐที่จะไปแจ้งให้ทราบเท่านั้น ไม่ใช่ชาวบ้าน
ทางด้าน พ.ต.อ.ทัตเทพ เสิคลักษณ์มีพันธ์ ผกก.สภ.ด่านช้าง ได้รับการร้องเรียนจากชาวบ้าน จำนวน 18 ราย จึงได้สั่งการให้พนักงานสอบสวนสอบ สภ.ด่านช้าง สอบปากคำ และรวบรวมพยานหลักฐาน พร้อมประสาน สรรพากรจังหวัดสุพรรณบุรี เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายกับผู้ที่เกี่ยวข้องต่อไป
ผู้สื่อรายงานว่า ตั้งแต่ปี 2563 เป็นต้นมามีชาวบ้านตกเป็นเหยื่อจำนวนมากนับหมื่นราย ในส่วนของ จ.สุพรรณบุรี มีที่ อ.ด่านช้าง มากที่สุด โดยเฉาพะที่ ต.ห้วยขมิ้น และ ตำบลใกล้เคียงโดนกันทั้งตำบล แต่ประชาชนที่ถูกหลอกไม่กล้ามาแจ้ง เนื่องจากกลัวความผิด จึงขอให้ผู้ถูกหลอกมาแจ้งกับเจ้าหน้าที่ เพื่อจะดำเนินการตรวจสอบ