เมื่อวันที่ 27 ก.พ. ผู้สื่อข่าวรับแจ้ง จากหน่วยกู้ภัยมูลนิธิสว่างสรรเพชรธรรมสถานฯ ว่าเกิดเหตุรถแบกโฮตักดินถูกโคลนถล่มทับ ทำให้คนงานเสียชีวิต 1 ราย เหตุเกิดบริเวณบ่อดินลูกรังพื้นที่หมู่ที่ 4 บ้านห้วยหิน ต.เขาใหญ่ อ.ชะอำ จ.เพชรบุรี จึงเดินทางไปตรวจสอบพร้อมสื่อมวลชนในพื้นที่ อย่างไรก็ตามระหว่างเข้าไปยังจุดเกิดเหตุ ปรากฏว่า นายปริพรรห์ รชตธรรมกุล ผู้สื่อข่าวทีวีช่อง 7 ประจำจังหวัดเพชรบุรี และนายมานิตย์ รักพานิชแสง ผู้สื่อข่าวทีวีช่อง 3 ประจำ จ.เพชรบุรี โดนกลุ่มชายฉกรรจ์ทำร้ายร่างกาย ยึดเอากล้องและโทรศัพท์ไปลบข้อมูลทิ้งทั้งหมด ซึ่งถือเป็นการกระทำที่อุกอาจ มีการดึงบัตรนักข่าวไปบันทึกภาพไว้ ก่อนข่มขู่จะเอาชีวิตถึงบ้าน พร้อมกับขับไล่ให้ออกจากพื้นที่ไปทันที

ต่อมา นายประดิพรรห์ และ นายมานิตย์ จึงได้เดินทางเข้าแจ้งความกับ ตำรวจสภ.ชะอำ ให้ติดตามจับกุมกลุ่มผู้ก่อเหตุดังกล่าว โดย นายปริพรรห์ เปิดเผยว่า ขณะที่ตนกำลังบันทึกภาพเหตุการณ์เจ้าหน้าที่กู้ภัย ค้นหาผู้สูญหายไปในน้ำ จู่ ๆ ก็มีชายไม่ทราบชื่อเดินอ้อมเข้ามาข้างหลัง ก่อนใช้ท่อนแขนล็อกคอ ลากดึงออกมา จากนั้นก็มีชายใส่ชุดสีกากีสวมเสื้อคลุมสีดำทับเดินเข้ามาหาถามว่าเป็นนักข่าวที่ไหน ตนกับนายมานิตย์ ได้แนะนำตัวพร้อมแสดงบัตรประจำตัวผู้สื่อข่าวให้ดู ปรากฏว่า ชายคนดังกล่าว ถามว่า “…รู้ไหมกูเป็นใคร…” ก่อนจะเปิดเสื้อคลุมให้เห็นป้ายชื่อ-สกุล ที่หน้าอก

นายประดิพรรห์ เล่าอีกว่า ระหว่างนั้น ชายชุดสีกากีได้ใช้มือค้ำคอตนเดินถอยหลังมาที่รถ แล้วก็ดึงแมสปิดใบหน้าของ นายมานิตย์ ออกบอกว่า “…ขอดูหน้าหน่อย…” ทั้งยังบอกว่า ห้ามไม่ให้บันทึกภาพใด ๆ ทั้งสิ้น หากถ่ายไว้จะตามไปจัดการถึงบ้าน จังหวะนั้นมีชายอีกคนเดินเข้ามาล็อกคอตนไว้ ก่อนจะกระชากโทรศัพท์ออกจากมือ ส่งให้ผู้หญิงที่ใส่ชุดนอนลายการ์ตูนชมพูลบข้อมูลในโทรศัพท์มือถือทิ้งทั้งหมด ส่วนโทรศัพท์ของ นายมานิตย์ ก็โดนกระชากโทรศัพท์ไปลบข้อมูลทิ้งทั้งหมดเช่นเดียวกัน

นอกจากนี้ยังมีผู้ชายอีก 1 คน มาดึงบัตรประชาชนและบัตรประจำตัวผู้สื่อข่าวของตนไปบันทึกภาพไว้ด้วย จากนั้นกลุ่มคนทั้งหมดประมาณ 15 คน ได้เดินล้อมต้อน นายมานิตย์และตนมาที่รถผู้สื่อข่าว บังคับให้ขับออกนอกพื้นที่ไป โดยชายชุดสีกากีพูดจาข่มขู่ว่า หากมีภาพออกไปตามสื่อต่าง ๆ จะตามไปจัดการถึงบ้าน ทั้งนี้ขณะที่ตนกำลังขับรถออกนอกพื้นที่ ยังมีชาย 2 คนยืนถ่ายวีดีโอบันทึกป้ายทะเบียนรถ และรถของนายมานิตย์ไว้ตลอดเวลา

หลังแจ้งความ เรื่องไปถึง พล.ต.ต.ปิติ นฤขัตรพิชัย ผบก.ภ.จว.เพชรบุรี ได้สั่งการให้มีการตรวจสอบหามูลเหตุว่า บ่อดินที่เกิดเหตุนั้นมีสิ่งใดที่ผิดกฎหมายหรือไม่ มีใบอนุญาตหรือเปล่า พร้อมเชิญตัว ชายชุดสีกากีกับพวก มาสอบสวนตามขั้นตอนกฎหมาย ซึ่งเมื่อ ชายชุดสีกาเดินทางมาถึง ได้ให้การอ้างกับตำรวจว่า ไม่ได้ก่อเหตุทำร้ายข่มขู่นักข่าวช่อง 3 ช่อง 7 แต่อย่างใด เป็นเพียงคนกลางมาดูแลพื้นที่เท่านั้น คนก่อเหตุอาจเป็นคนของเจ้าของบ่อดินก็เป็นได้ ขณะที่เจ้าของบ่อดิน เดินทางมาให้การกับตำรวจเช่นเดียวกัน โดยอ้างว่าอยู่ในที่เกิดเหตุจริง แต่ไม่ทราบเรื่องความขัดเแย้งของสองฝ่าย เพราะมัวแต่ค้นหาผู้เสียชีวิตซึ่งเป็นลูกน้องเท่านั้น

อย่างไรก็ตาม มานิตย์และนายประดิพรรห์ ยืนยันให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินคดีกับผู้กระทำผิดให้ถึงที่สุดเนื่องจาก การกระทำดังกล่าวเป็นเรื่องที่อุกอาจ มีการประทุษร้าย กักขังหน่วงเหนี่ยว ทำลายทรัพย์สิน ทำให้ข้อมูลในโทรศัพท์มือถือเสียหาย แล้วยังข่มขู่อาฆาตจะเอาชีวิตพวกตนถึงบ้านอีกด้วย.