เจิ้งหลิงฮวา หญิงสาวชาวจีน วัย 23 ปี ตกเป็นเหยื่อของการรุมประณามและกลั่นแกล้งบนแพลตฟอร์มออนไลน์ในช่วงเดือน ก.ค. ปีที่แล้ว หลังจากที่เธอโพสต์ภาพถ่ายและคลิปวิดีโอของตัวเองเพื่อแบ่งปันช่วงเวลาแห่งความภาคภูมิใจที่เธอได้จดหมายตอบรับการสมัครเข้าศึกษาจากสถาบันบัณฑิตวิทยาลัยร่วมกับปู่ของเธอ ซึ่งเป็นผู้ป่วยติดเตียงอยู่ในโรงพยาบาลมาเป็นเวลานานถึง 9 เดือน
แต่กลายเป็นว่ามีชาวเน็ตจีนจำนวนมากที่เข้ามาแสดงความเห็นในโพสต์ของเธอซึ่งอยู่บนหลายแพลตฟอร์ม เช่น โต่วอิน หรือติ๊กต็อกเวอร์ชั่นจีน, เสี่ยวหงชู ซึ่งเทียบเท่ากับอินสตาแกรมของจีน และเว่ยปั๋ว ในทำนองเสียดสีและล้อเลียนเหยียดหยาม เนื่องจากเธอย้อมผมเป็นสีชมพู
เจิ้ง โดนตราหน้าว่าเป็น “สาวนักเที่ยวกลางคืน” จากคนที่เข้ามาบูลลี่เธอ โดยชี้ว่าการที่เธอย้อมผมสีชมพูทำให้ดูเหมือนหญิงขายบริการ อีกทั้งยังแสดงความเห็นลามปามไปว่า เธออาจมีความสัมพันธ์เชิงชู้สาวกับปู่ของเธอเอง
แม้ว่าในตอนแรก เจิ้ง จะตอบโต้ด้วยท่าทีในแง่บวก แต่ต่อมาเธอก็ได้รับการวินิจฉัยว่าป่วยเป็นโรคซึมเศร้า ต้องทนทุกข์กับอาการกินไม่ได้ นอนไม่หลับ
เจิ้ง สามารถฟื้นตัวจากอาการซึมเศร้าได้ในตอนแรก แต่ก็กลับไปป่วยอีกครั้งในเวลา 3 เดือนต่อมา
เมื่อวันที่ 23 ม.ค. 2566 เจิ้ง เสียชีวิตจากการฆ่าตัวตาย หลังจากที่เธอโดนบูลลี่ออนไลน์ราว 6 เดือน ทั้งที่เธอกำลังตั้งตารอที่จะศึกษาต่อในระดับบัณฑิตวิทยาลัยที่มหาวิทยาลัยอีสต์ ไชน่า นอร์มอล ความฝันของเธอคือการได้เป็นครูสอนดนตรี
หลังจากที่ เจิ้ง เสียชีวิต ก็มีการจัดแคมเปญ ‘PinkUp’ ขึ้นบนช่องทางออนไลน์เพื่อต่อต้านการบูลลี่บนพลตฟอร์มออนไลน์ในประเทศจีน ชาวเน็ตจีนที่เป็นผู้ริเริ่มแคมเปญนี้ เชิญชวนให้คนที่เห็นด้วยกับแนวคิด ย้อมผมเป็นสีชมพู โดยให้เหตุผลว่า “สีชมพูไม่ใช่อาชญากรรม แต่การใช้ความรุนแรงต่างหากที่เป็นอาชญากรรม” และใช้สีชมพูเป็นตัวแทนของการต่อต้านการบูลลี่ออนไลน์
กรณีของ เจิ้ง ยังกระตุ้นให้ชาวเน็ตจีนคนอื่น ๆ เรียกร้องให้มีการออกกฎหมายเพื่อต่อต้านการบูลลี่ออนไลน์และลงโทษผู้ที่มีพฤติกรรมเข้าข่ายอีกด้วย
ผู้ใช้เว่ยปั๋วคนหนึ่งแสดงความเห็นว่า “วันนี้เป็นเรื่องของสีผม แล้วพรุ่งนี้จะเป็นเรื่องเสื้อผ้ามั้ย? แล้วมะรืนนี้ล่ะ จะเป็นเรื่องการเจาะหูหรือเปล่า? แล้วยังไงอีกล่ะ? ผู้หญิงจีนจะต้องคลุมตัวมิดชิดด้วยผ้าดำหรือยังไงกัน?”
แหล่งข่าว : nextshark.com
เครดิตภาพ : Weibo