เมื่อเวลา 12.30 น. วันที่ 13 ก.พ. ที่ อาคารกรมสอบสวนคดีพิเศษ ถนนแจ้งวัฒนะ กทม. นายสันธนะ ประยูรรัตน์ เดินทางเข้าพบ พ.ต.ต.สุริยา สิงหกมล รักษาราชการแทนอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ เพื่อมอบข้อมูลเอกสารเพิ่มเติมเกี่ยวกับเครือข่ายผู้ค้ายาเสพติดรายใหญ่ และรายการทรัพย์สินที่ได้มาจากการกระทำผิดของกลุ่มนายเอ็ดดี้-พันณรงค์ ขุนพิทักษ์ ผู้ต้องหาคดียาเสพติด พร้อมความเชื่อมโยงว่าทั้งหมดร่วมกันฟอกเงินจากการทำเว็บพนันออนไลน์ของกลุ่มสารวัตรซัว โดยมีนายสมเกียรติ เพชรประดับ ผอ.ส่วนพิจารณาสำนวนร้องทุกข์ กองบริหารคดีพิเศษ เป็นตัวแทนรับเรื่อง ซึ่งเอกสารที่ยื่นในวันนี้มีจำนวนกว่า 183 แผ่น

นายสันธนะ กล่าวว่า วันนี้ตนมาดีเอสไอ เพราะไม่เชื่อใจการตรวจสอบกันเองระหว่างเจ้าหน้าที่ตำรวจ เนื่องจากเมื่อปี 64 ตนเคยนำเอกสารเหล่านี้ มอบให้กับอดีตผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ แบ่งกลุ่มคนกระทำผิดไว้ชัดเจน ทั้งกลุ่มของสารวัตรซัว กลุ่มนายเอ็ดดี้ กลุ่มนายชัย ฟันเหล็ก รวมถึงรายชื่อเว็บไซต์พนันออนไลน์กว่า 240 เว็บไซต์ แต่เรื่องราวเงียบ ไม่มีความคืบหน้าใดๆ ซึ่งข้อมูลเหล่านี้ตนดำเนินการเก็บรวบรวมมา 2 ปีเศษ ไม่ได้มีแค่ชื่อ-นามสกุล แต่มีข้อมูลความเชื่อมโยงต่างๆ ดังนั้น ตนจึงคาดหวังกับดีเอสไอมากกว่า ในการดำเนินการตรวจสอบ เพราะการให้ออกจากราชการไว้ก่อนของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ตนไม่เห็นด้วย เนื่องจากเมื่อเรื่องก็เงียบ เรื่องแบบนี้ก็กลับมาใหม่อีกครั้ง

นายสันธนะ กล่าวอีกว่า ตนเคยดำเนินการขอเอกสารรายละเอียดเกี่ยวกับสารวัตรซัว แต่ถูกปฏิเสธ เนื่องด้วย พ.ร.บ.ข้อมูลข่าวสารฯ จึงทำหนังสือไปที่ต้นสังกัดเมื่อเดือนมกราคมปีที่แล้ว โดยร้องเรียนขอให้ตรวจสอบข้าราชการตำรวจรายนี้ว่ามีพฤติการณ์เกี่ยวข้องกับการพนันออนไลน์และเจ้าของบ่อนการพนันรายใหญ่หรือไม่ แต่เมื่อทำหนังสือพึงต้นสังกัด ปรากฏว่ามีการตอบกลับมายังตนว่า ตรวจสอบข้อเท็จจริงแล้วปรากฏว่าไม่พบมูลเเห่งการกระทำความผิดตามที่ร้องเรียน จึงได้สั่งยุติเรื่องดังกล่าวไป โดยที่ไม่ได้เรียกตนสอบถามเลยสักครั้ง ซึ่งหัวหน้าต้นสังกัดรายนี้ ก็คือคนเดียวกันกับที่เซ็นชื่อลงนามให้สารวัตรซัวออกจากราชการไว้ก่อน

นายสันธนะ ระบุด้วยว่า เมื่อปี 2564 อดีตสารวัตรซัว ยังได้มีการเปิดตลาดไชยทิศ บริเวณเลียบทางรถไฟตลิ่งชัน บนพื้นที่ 16 ไร่ ที่มีความทันสมัยและใหญ่ที่สุดย่านฝั่งธนบุรี ภายใต้สโลแกน สะดวก สะอาด ปลอดภัย ใส่ใจสังคมในคอนเซปต์ “เซฟ ช็อป” โดยมีนักการเมืองจากพรรคขนาดใหญ่ชื่อดังรายหนึ่งไปร่วมเปิดตลาดด้วย อีกทั้งยังมีนายตำรวจยศร้อยตำรวจโท เข้าร่วม เพื่อให้เห็นว่าเป็นหุ้นส่วนกัน นอกจากนี้ ธุรกิจของสารวัตรซัวมีจำนวนมาก ทั้งการเป็นเจ้าของเซิร์ฟเวอร์ มาสเตอร์เอเจนซี่ ซึ่งทำโดยไม่หวั่นเกรงต่อกฎหมายบ้านเมือง ทำธุรกิจผิดกฎหมายครบวงจรทั้งนี้ อดีตสารวัตรซัว ยังมีธุรกิจที่อยู่ระหว่างดำเนินกิจการทั้งหมด 14 แห่ง

นอกจากนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า นายสันธนะยังได้โทรศัพท์หาสารวัตรซัว จำนวน 2 เบอร์ โดยเบอร์แรกไม่มีคนรับสาย ส่วนอีกเบอร์คล้ายติดสายอื่นอยู่ ซึ่งหมายเลขโทรศัพท์ทั้งสองเบอร์นี้ นายสันธนะจะมอบให้ดีเอสไอไปตรวจสอบการใช้ข้อมูลโทรศัพท์ ว่าอดีตสารวัตรซัวได้โทรศัพท์หาผู้ใหญ่รายใดบ้างหรือไม่ รวมถึงในกรณีของซีอีโอ แพลตฟอร์มขายสลากออนไลน์ นายสันธนะ ยังแสดงเอกสารข้อมูลเพิ่มเติม ซึ่งเป็นผังความเชื่อมโยงกับกลุ่มนายเอ็ดดี้ โดยรถยนต์ของแพลตฟอร์มขายสลากออนไลน์ พบว่ามีการสวมทะเบียนไว้ 3 คัน แต่ทั้ง 3 คันนี้ เป็นรถคนละรุ่น คนละคันกัน จึงอยากรู้ว่าลักษณะเช่นนี้ถือเป็นการสวมทะเบียนหรือไม่

ขณะเดียวกัน นายสันธนะยังได้นำภาพถ่ายของตำรวจยศพลตำรวจโท จ. ปรากฏเป็นภาพคฤหาสน์ขนาดใหญ่ที่เพิ่งสร้างเสร็จ และมีงานทำบุญขึ้นบ้านใหม่มาเปิดเผยต่อสื่อมวลชน พร้อมกับตั้งคำถามว่า บ้านหลังดังกล่าวมีที่มาอย่างไร ใช้เงินจากอะไรไปสร้าง พร้อมกับขอให้ออกมาแสดงความบริสุทธิ์ใจหากไม่ได้ทำความผิด แต่ถ้าอยากรับผิดชอบ แสดงความบริสุทธิ์ใจ ก็ขอให้ถอดตัวเองออกจากตำแหน่งไปก่อน และ นายสันธนะยังได้นำข้อมูลของนายตำรวจยศพลตำรวจตรี อ. ที่เป็นเพื่อนร่วมรุ่นของ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. ซึ่งนายตำรวจรายนี้อยู่เบื้องหลังเว็บไซต์พนันออนไลน์ และสั่งให้ก่อเหตุอุ้มตัวแอดมินเว็บพนัน หนุ่มโปรแกรมเมอร์ไปทำร้ายร่างกายเมื่อไม่นานมานี้ ส่งมอบให้ดีเอสไอตรวจสอบด้วย

สำหรับการยื่นเอกสารและหลักฐานในครั้งนี้ นายสันธนะ ระบุว่า ไม่คาดหวังว่าดีเอสไอจะรับเป็นคดีพิเศษ และไม่ได้กดดันการทำงานของดีเอสไอ เพราะเข้าใจดีว่าดีเอสไอก็เป็นอีกหน่วยงานหนึ่งที่ต้องทำงานภายใต้การสั่งการของการเมือง แต่เห็นว่าข้อมูลนี้เป็นคดีสำคัญที่ต้องตรวจสอบ เนื่องจากมีตำรวจเข้ามาเกี่ยวข้องจำนวนมาก และมีเงินหมุนเวียนมากกว่า 1 แสนล้านบาท และที่สำคัญ ตนยืนยันว่า ไม่มีใครมาเคลียร์กับตนแน่นอน