เมื่อวันที่ 29 ม.ค. ศูนย์วิทยุ สภ.หนองแสงได้รับแจ้งเหตุ ลูกชายคลั่งใช้ตุ๊กตาทุบหัวแม่ตัวเองจนเสียชีวิตที่ บ้านหัวฝาย ต นาดี อ.หนองแสง หลังรับแจ้งจึงรุดไปตรวจสอบพร้อมเจ้าหน้าที่  ที่เกิดเหตุเป็นบ้านปูน 2 ชั้น มีรั้วรอบขอบชิดสร้างอยู่ในเนื้อที่ประมาณ 2 ไร่ ภายในห้องโถงชั้นล่าง พบศพนางมะลิ อายุ 72 ปี สภาพศพสวมเสื้อคอกระเช้าลายดอกสีชมพูเขียวนุ่งผ้าถุงสีม่วง ไม่สวมรองเท้า ใบหน้าด้านขวาบริเวณเบ้าตาถูกของแข็งทุบหลายครั้งจนกะโหลกด้านหน้าแตกเลือดปนมันสมองไหลนองพื้น ใกล้กับพบรูปปั้นหมูปูนปลาสเตอร์เปื้อนเลือดตกอยู่ 1 อัน และรูปปั้นปูนปลาสเตอร์เด็กผู้หญิงและไก่ ที่มีรอยแตกบางส่วนอีก 2 อัน ส่วนผู้ก่อเหตุคือนายจ่อยอายุ 44 ปี ลูกชายของนางมะลิ หลังก่อเหตุไม่ได้หลบหนีไปไหน ยืนอยู่นอกตัวบ้านในสภาพให้การสับสนวกไปวนมา ก่อนนำตัวพร้อมหลักฐานไปทำการสอบสวนที่โรงพัก

จากการสอบสวนนายจ่อย  ให้การไม่รู้เรื่องและปฏิเสธไม่ได้เป็นคนลงมือฆ่าแม่ของตนเอง แต่ตนได้กราบลาเพื่อขออโหสิกรรมกับแม่แล้ว และไม่ได้พูดอะไรมาก ก่อนถูกตำรวจควบคุมตัวมาโรงพักรู้สึกเสียใจที่แม่ตาย แม่ไม่ด่า แต่จะชอบบ่น ตนคงไม่ได้บวชให้แม่เพราะได้บวชให้แม่แล้ว ตนก็อยากบอกแม่เพียงสั้นๆว่า ถึงฝั่งฝันและเวลาชีวิตแล้ว

สอบสวนน้องสาวผู้เสียชีวิต อายุ 64 ปี  เล่าว่า ตอนเช้าญาติพี่น้องมารับผู้ตายไปทำบุญขึ้นบ้านใหม่น้องสาว ที่อยู่ในหมู่บ้านนาดี ต.นาดี และมาพบหลานชายคือนายจ่อยของตนยืนหน้าบ้าน และบอกตนว่าแม่นอนไม่ตื่นแล้ว พี่ชายจึงขอเข้าไปดูแต่เข้าบ้านไม่ได้เพราะหลานชายบอกว่าทำกุญแจหาย นายจ่อยจึงไปเอาบันไดอลูมิเนียมมาให้พี่ชาย ซึ่งเป็นน้าของนายจ่อยปีนข้ามรั้วหลังบ้านเข้าไปก็พบว่าพี่สาวนอนเสียชีวิต ถูกฆาตกรรมอย่างโหดเหี้ยม ตอนนั้นพี่ชายของตนไม่กล้าบอกตน เพราะกลัวนายจ่อยทำร้ายและทำทีโทรบอกตนว่าจะออกไปทำธุระ และโทรศัพท์แจ้งตำรวจ เมื่อตำรวจมาถึงได้ตัดกุญแจประตูรั้วหน้าบ้านเข้าไปดู ต้องพากันตกใจต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ซึ่งหลานชายป่วยจิตเวชมาสิบกว่าปีแล้ว เมื่อ 10 กว่าปีที่ผ่านมา ตำรวจเคยมาจับตัวไปรักษาอาการ และหากมีอาการคุ้มคลั่งก็มาควบคุมตัวส่งรพ.เป็นประจำ หลานชายขาดยาหรือไม่นั้นตนคิดว่าไม่ขาด เพราะเขากินยารักษาเป็นประจำ แต่คนที่เป็นโรคแบบนี้ หากถึงวันพระจะมีอาการแบบนี้ตลอด และหากมีอาการเขาก็จะบอกว่าไม่ค่อยสบาย และพูดจาอยู่คนเดียว ตนก็ไม่ได้สอบถามอะไรมากเพราะกลัวเขาคุมคลั่งอาละวาดอีก

ด้าน พล.ต.ต.พิษณุ อุณหเสรี ผบก.ภ.จ.อุดรธานี เปิดเผยว่า จากการสืบค้นพยานหลักฐานพบว่า ลูกชายผู้ตายป่วยจิตเวชและมีร่องรอยแผลที่นิ้วก้อยด้านขวา จากการใช้ปูนปลาสเตอร์รูปหมู ที่เปื้อนเลือดและมีน้ำหนักประมาณ 1 กิโลกรัม ทุบหน้าแม่ของตนเองหลายครั้งจนเสียชีวิต ตอนช่วงเช้ามืดซึ่งตำรวจเชื่อว่าในบางจังหวะที่ผู้ก่อเหตุ ใช้มือด้านขวากำปูนปลาสเตอร์ทุบหน้าแม่ นั้นอาจจะพลาดไปกระแทกกับพื้น ทำให้ปลายนิ้วก้อยแตกเป็นแผลที่ยังใหม่และสด จึงมั่นใจว่าลูกชายเป็นผู้ก่อเหตุ  ส่วนการดำเนินคดีกับผู้ก่อเหตุนั้นทางเจ้าหน้าที่ก็จะดำเนินการไปตามกระบวนการของกฎหมายต่อไป