สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงวอชิงตัน ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 23 ส.ค.ว่านายเจค ซัลลิแวน ที่ปรึกษาด้านนโยบายความมั่นคงแห่งชาติของสหรัฐ กล่าวเมื่อวันจันทร์ เกี่ยวกับภารกิจอพยพประชาชนออกจากอัฟกานิสถาน ซึ่งมีแนวโน้มสูงมากขึ้นทุกขณะ ว่าจะไม่สามารถเสร็จสิ้นได้ภายในวันที่ 31 ส.ค.นี้ ว่าการตัดสินใจจะขยายระยะเวลาหรือไม่นั้น "ขึ้นอยู่กับประธานาธิบดีโจ ไบเดน เท่านั้น" แต่เผยด้วยว่า เจ้าหน้าที่ของรัฐบาลวอชิงตันและกลุ่มตาลีบันประสานงานกันในเรื่องนี้เป็นระยะ
อย่างไรก็ตาม นายซูฮาอิล ชาฮีน เจ้าหน้าที่ระดับสูงของกลุ่มตาลีบัน ประจำสำนักงานการเมือง ที่กรุงโดฮา เมืองหลวงของกาตาร์ กล่าวว่า การประจำการต่อของกองทัพสหรัฐและพันธมิตรหลังสิ้นเดือนนี้ "ไม่ต่างอะไรกับการต่อเวลายึดครอง" และ "เป็นการล้ำเส้น" ซึ่งกลุ่มตาลีบันไม่มีทางยอมรับสถานการณ์ดังกล่าว ในทางกลับกัน รัฐบาลวอชิงตันและพันธมิตรต้องพร้อมยอมรับ "สิ่งที่จะเกิดขึ้นหลังจากนั้น" โดยยังปฏิเสธขยายความ
ทั้งนี้ ในรอบ 24 ชั่วโมงล่าสุด เครื่องบินของกองทัพสหรัฐ 28 ลำ ร่วมกันอพยพประชาชนร่วมกันมากกว่า 16,000 คน แต่รัฐบาลวอชิงตันยังคงสงวนข้อมูลที่ชัดเจน ว่ามีพลเมืองอเมริกันหลงเหลืออยู่ในอัฟกานิสถานอีกเท่าไหร่ และอพยพออกมาแล้วเท่าใด
ขณะที่นายกรัฐมนตรีบอริส จอห์นสัน ผู้นำสหราชอาณาจักร กล่าวว่า เขากำลังพยายามโน้มน้าวรัฐบาลวอชิงตันของประธานาธิบดีโจ ไบเดน ให้ต่อเวลาภารกิจอพยพประชาชนออกจากอัฟกานิสถาน "ให้ยาวนานขึ้น" โดยให้เหตุผลว่า หากสหรัฐยุติปฏิบัติการทั้งหมดในวันที่ 31 ส.ค.นี้ เท่ากับว่าประเทศอื่น "ไม่มีทางเลือก"
ทั้งนี้ บรรยากาศที่ท่าอากาศยานนานาชาติฮามิด คาร์ไซ ในเขตชานกรุงคาบูล ยังคงวุ่นวายและคลาคล่ำไปด้วยชาวอัฟกันซึ่งต้องการเดินทางออกนอกประเทศ หลังกลุ่มตาลีบันเข้ายึดครองเมืองหลวงของอัฟกานิสถาน เมื่อช่วงกลางเดือนนี้ ถือเป็ยนการหวนกลับคืนสู่อำนาจเป็นครั้งแรกในรอบ 20 ปี แหล่งข่าวภาคสนามรายงานว่า ตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา มีผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์โกลาหลและชุลมุนที่สนามบินแห่งนี้แล้ว "ไม่ต่ำกว่า 20 ราย" โดยหนึ่งในผู้เสียชีวิตรายล่าสุด เป็นเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยชาวอัฟกัน ต่อสู้ด้วยอาวุธปืนกับ "กลุ่มคนร้ายไม่ทราบฝ่าย".
เครดิตภาพ : AP