กรณีรถเครนของบริษัทผู้รับเหมาซ่อมแซมเมรุ ด้วยการเปลี่ยนปล่องไฟปูนเดิม มาเป็นปล่องไฟสเตนเลส ของวัดจำปา ต.ประโคนชัย อ.ประโคนชัย จ.บุรีรัมย์ ล้มลงใส่เมรุและศาลาการเปรียญของวัดจนได้รับความเสียหายอย่างหนัก มูลค่าความเสียหายกว่า 2 ล้านบาท เหตุเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 22 ม.ค. ที่ผ่านมา นั้น

เชื่อไม่ได้ขอขมาก่อนเปลี่ยนปล่องเมรุ รถเครนยกไม่ไหวล้มครืนทับศาลาการเปรียญหนีตายระทึก

คืบหน้าเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว เมื่อวันที่ 26 ม.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังเกิดเหตุ ระหว่างผู้รับเหมาและเจ้าของรถเครน ซึ่งถูกจ้างมายกปล่องควันไฟเมรุ ได้มีการนัดเจรจาความเสียหายที่เกิดขึ้น ที่วัดจำปา เมื่อถึงเวลานัด ปรากฏว่า ทั้งผู้รับเหมา และเจ้าของรถเครน ไม่มาตามนัด โดยเจ้าของรถเครนอ้างว่าไม่เกี่ยว เพราะเป็นเพียงผู้รับจ้าง ซึ่งผู้รับเหมาเป็นผู้สั่งการให้คนขับรถเครนเป็นคนยกตามคำสั่ง ขณะผู้รับเหมาอ้างว่า ความผิดเกิดจากคนขับรถเครน เพราะไม่คำนวณว่าจะยกได้หรือไม่ ทำให้การเจรจาต้องยกเลิกโดยปริยาย

ต่อมาคณะกรรมการของวัดได้เข้าไปลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐานที่ สภ.ประโคนชัย เอาไว้ก่อน พร้อมกับไม่ยอมให้มีการเคลื่อนย้ายรถเครนตามที่เจ้าของรถอ้างว่าจะเอาไปใช้งานที่อื่น

นางสมจิตร พยัคษา อายุ 51 ปี หนึ่งในคณะกรรมการวัด บอกว่า ตอนนี้ยังไม่เข้าใจว่าใครจะออกมารับผิดชอบความเสียหายของวัดที่เกิดขึ้น การผิดนัดดังกล่าว ส่อจะวุ่นหลังจากนี้ เพราะมูลค่าความเสียหายมาก ยังดีที่ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิตจากเหตุการณ์ครั้งนี้ ซึ่งหากมีคนจะวุ่นมากกว่านี้ หลังตรวจสอบพบว่า ภาษีและ พ.ร.บ.ภาคบังคับ หมดอายุ คณะกรรมการจึงไม่ยอมให้เอารถเครนออกจากวัด เพราะเกรงว่าจะไม่มีใครมารับผิดชอบ

ด้าน พระครูสิริคณารักษ์ เจ้าอาวาสวัดจำปา และเจ้าคณะอำเภอประโคนชัย กล่าวว่า ได้โทรศัพท์ไปถามเจ้าของรถเครน ได้รับคำตอบว่า เขาไม่เจรจา เพราะเขาไม่ใช่คู่กรณีกับวัด จะไม่คุยด้วย เป็นความผิดของผู้รับเหมา และจะมาขอเอารถเครนไปทำงานอื่นต่อ จึงให้คณะกรรมการไปแจ้งความเอาไว้ก่อน.