เมื่อวันที่ 24 ม.ค. ที่ศูนย์ข้อมูลควบคุมคุณภาพอากาศกรุงเทพมหานคร สำนักสิ่งแวดล้อม ศาลาว่าการ กทม.2 ดินแดง นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าฯ กทม. พร้อมด้วยนายปิ่นสักก์ สุรัสวดี อธิบดีกรมควบคุมมลพิษ ร่วมกันชี้แจงสถานการณ์ฝุ่นที่สูงขึ้น หลังประชุมด่วน เพื่อสรุปถึงสถานการณ์ การคาดการณ์ ความร่วมมือ และการยกระดับมาตรการช่วงสถานการณ์ฝุ่น pm2.5 ในระยะนี้ โดยระบุ สาเหตุหนึ่งที่ทำให้เกิดฝุ่น คือการเผาในพื้นที่ชานเมือง และเกิดจากควันรถ

เบื้องต้นแนะนำประชาชนให้ติดตามค่าฝุ่น ผ่านทางแอพพลิเคชั่น Air4Thai และ AirBKK ซึ่งแจ้งรายงานค่าฝุ่น PM2.5 โดยตรง ปัจจุบันที่มีรายงานค่าฝุ่นนั้น เป็นรายงานค่าเฉลี่ยฝุ่นในรอบ 24 ชม. ที่ผ่านมา แต่หากดูตามกราฟรายชั่วโมงจะพบว่า ในบางพื้นที่ค่าฝุ่นลดต่ำลงแล้ว ทั้งนี้ จะมีการปรับค่าฝุ่น PM2.5 ที่เริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพ จากเดิมที่ 50 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร (มคก./ลบ.ม.) ให้เป็น 37.5 มคก./ลบ.ม. ก็เริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพแล้ว

นายชัชชาติ กล่าวต่อว่า จะเร่งควบคุมสาเหตุการเกิดฝุ่น เช่น การเผา หากได้รับรายงานว่าพื้นที่ไหนที่การเผา จะส่งเจ้าหน้าที่ขอความร่วมมือให้หยุดการเผา ส่วนพื้นที่จังหวัดใกล้เคียงได้ทำหนังสือเพื่อขอความร่วมมือเรื่องการเผาชีวมวล ขอให้เกิดการเผาน้อยที่สุด ส่วนรถควันดำเป็นการแก้ปัญหาที่กรมควบคุมมลพิษ กำลังดำเนินการอยู่ ส่วนทาง กทม. ได้จัดส่งเจ้าหน้าที่ไปควบคุมการทำงานเพื่อลดการเกิดฝุ่น เช่น ตามไซต์ก่อสร้าง โรงปูนและรถบรรทุก ทั้งนี้ขอความร่วมมือให้ประชาชนช่วยกันหันมาเติมน้ำมันกำมะถันต่ำ ซึ่งการปรับลดปริมาณกำมะถันในน้ำมันดีเซล จะสามารถช่วยลดปัญหาฝุ่นละอองและก๊าซซัลเฟอร์ไดออกไซด์ได้

ทั้งนี้ ในวันที่ 26 ม.ค. ที่คาดว่าค่าฝุ่นจะสูงอีกวัน อยากให้ประชาชนเตรียมความพร้อมรับมือ ตอนเช้าให้ตรวจสอบค่าฝุ่น เพื่อวางแผนการเดินทาง ส่วน กทม. และกรมควบคุมมลพิษ จะเร่งควบคุมแหล่งกำเนิดฝุ่น และกิจกรรมต่างๆ ที่ก่อให้เกิดฝุ่น เช่น ไซต์ก่อสร้าง หรือรถบรรทุก โรงเรียนก็ยังคงเปิดทำการเรียนการสอนได้ตามปกติ ขณะนี้สถานการณ์ยังไม่น่าเป็นห่วง แต่จะต้องควบคุมและเฝ้าระวังอย่างเข้มข้นไปตลอดทั้งเดือน ก.พ. แต่พอเข้าเดือน มี.ค. สถานการณ์จะคลี่คลายกว่านี้ ส่วนเรื่องการ Work From Home ขอให้แต่ละบริษัทพิจารณาตามความเหมาะสมได้เลย

นายชัชชาติ กล่าวถึง การป้องกันตัวเองจากฝุ่นควรสวมหน้ากากอนามัยในช่วงที่มีฝุ่นสูง เช่น การใส่หน้ากาก N95 หากใส่ได้จะดี แต่อาจหายใจไม่สะดวกก็สวมหน้ากากอนามัยแบบปกติได้ หากใส่ถูกต้องจะสามารถป้องกันฝุ่น PM2.5 ได้ถึง 60% หลังจากนี้สำนักอนามัยจะลงพื้นที่แจกหน้ากากอนามัยให้กับกลุ่มเปราะบางทั้ง 50 เขตด้วย ส่วนการแก้ปัญหาคือเปลี่ยนการใช้รถยนต์ของประชาชนมาใช้ขนส่งสาธารณะที่เป็นพลังงานสะอาด เช่น รถไฟฟ้า หรือรถยนต์ไฟฟ้า

ด้านนายศักดา ตรีเดช ผอ.ส่วนนวัตกรรมคุณภาพอากาศและเสียง กล่าวถึงสถานการณ์ที่ส่งผลทำให้ค่าฝุ่นเกินมาตรฐานในระยะนี้ว่า ชั้นบรรยากาศเปรียบเสมือนเพดานห้อง ทุกพื้นที่มีเพดานห้อง ถ้าเพดานห้องเตี้ย เวลาเกิดควันไฟในห้องเราจะสำลักควันไฟก่อนห้องที่เพดานสูงกว่า ซึ่งถือเป็นตัวแปรสำคัญในการเกิดฝุ่น ถ้าอากาศจะดีได้ฝุ่นจะต้องลอยขึ้นในแนวตั้งฉากถ้ายิ่งเพดานสูงฝุ่นก็จะยิ่งลอยไปได้ไกลแต่ต้องมีลมช่วยพัดด้วย

สถานการณ์ตอนนี้ของ กทม. คือเพดานห้องเตี้ยหรือชั้นบรรยากาศต่ำกว่า 500 เมตร ฝุ่นไม่มีทางไปชนเพดาน ประกอบกับความเร็วลมอ่อนจึงเจอฝุ่นขังอยู่ในพื้นที่ ทั้งนี้ สามารถคาดการณ์ล่วงหน้าได้ 7 วันเท่านั้นว่า ในพื้นที่จะมีเพดานเตี้ยหรือลมอ่อน โดยลักษณะเช่นนี้จะเกิดขึ้นอีกครั้งในพื้นที่ของ กทม. ช่วงเย็นวันที่ 26 มกราคม ต่อเนื่องเช้าวันที่ 27 ม.ค. ซึ่งส่งผลให้ค่าเฉลี่ยฝุ่นมีค่าสูงขึ้น

ขณะที่นายปิ่นสักก์ กล่าวว่า ทางกรมควบคุมมลพิษไม่ได้นิ่งนอนใจ ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา มีการลดแหล่งกำเนิดฝุ่นให้มากที่สุด ซึ่งได้มีการประชุมระดับรัฐมนตรี 5 ประเทศในการลดฝุ่น โดยในปีที่แล้ว ตั้งเป้าให้ลดลง 20% แต่ลดได้เกินเป้าถึง 23% ส่วนในปีนี้มีการตั้งเป้าให้ลดลง 30% 

ส่วนเรื่องลดไฟป่าได้ทำโครงการชิงเก็บ ลด เผา โดยจะมีการชิงเผาป่าก่อนตามหลักวิชาการ พร้อมตั้งวอร์รูม 77 จังหวัด ส่วนการลดเผาชีวมวลจะใช้วิธีสร้างรายได้จากการขายเศษชีวมวล รวมถึงการใช้น้ำมันที่มีกำมะถันต่ำ ทั้งนี้ แนะนำให้ใช้แอพ AirBKK และ Air4Thai ดูค่าฝุ่นเพื่อวางแผนการดำเนินชีวิตประจำวัน.